16 สิงหาคม 2556

Legend Wang Zhaojun หญิงงามหวังเจาจวิน เปรียบดั่งปักษาสะดุ้ง

Myth Zhaojun : ปักษีตกนภา
ฉายาปักษีตกนภา(LUO.YAN-落燕)
-ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า
ตำแหน่งราชินีแห่งเผ่ซงหน(Xiongnu Empress)
สัญชาติ จีน(Chinees)
บิดา -----
มารดา -----
เกิดเมื่อ 50 ปีก่อนคริสตกาล
-ตระกูลผู้มั่งคังแห่งนัน (ปัจจุบันคือ มณฑลเหอเป่ย)
เสียชีวิตที่เผ่าซงหนู..(XIONGNU)  

          หวังเจาจวิน (Wang Zhaojun - 王昭君) ชื่อจริงคือ หวังเฉียง (Wang Qiang  - 王牆, 王檣, 王嬙) เป็นหนึ่งในสี่หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน  "ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า” เป็นเรื่องราวตอนที่เดินทางจากบ้านเกิดเดินทางไปทางเหนือ ระหว่างทาง เสียงม้าและเสียงนกร้องทำให้นางโศกเศร้า ยากที่จะทำใจได้ จึงได้ดีดพิณขึ้นเป็นทำนองที่แสดงความโศกเศร้าจากการพลัดพราก บรรดานกที่กำลังจะบินไปทางใต้ได้ยินเสียงพิณอันไพเราะนี้ จึงมองลงไปเห็นหญิงงามที่กำลังขี่อยู่บนหลังม้า ต่างก็ลืมที่จะขยับปีก และร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน นับต่นั้นมา หวังเจาจวินจึงได้รับขนานนามว่า “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า”นั่นเอง  
http://legendtheworld.blogspot.com/2013/08/wang-zhaojun-queen-of-xiongnu.html 




        หวังเจาจวินในประวัติศาสตร์ หวังเจาจวินเกิดในตระกูลผู้มั่งคัง ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันตก เธอถูกส่งเข้าเป็นนางกำนัลในจักรพรรดิฮั่นหยวนตี้ ก่อน พ.ศ. 504หรือ 39ปีก่อนคริสตกาล อย่างไรก็ตาม พระจักรพรรดิไม่ทรงได้เคยพบเห็นหวังเจาจวินเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ในยามที่พระจักรพรรดิทรงเลือกนางสนมใหม่จากภาพนางกำนัลที่ทรงมี และมีศักดิ์สูงพอที่จะเป็นพระสนม ภาพวาดของหวังเจาจวินก็ไม่ใช้ภาพที่นำเสนอความงามที่แท้จริงของนาง ดังนั้นพระจักรพรรดิจึงทรงมองข้ามนางไป 

                พ.ศ. 511หรือ ปี 33 ก่อนคริสต์ศักราช ข่านฮูหานเสียเดินทางมายังนครฉางอานอีกครั้งและขอให้มีการสมรสเชื่อมพันธ ไมตรี ฮั่นหยวนตี้ก็ได้พระราชทานอนุญาต การที่เผ่าซงหนูจะสมรสกับราชวงศ์ฮั่นนั้นจะต้องเลือกจากบรรดาองค์หญิงหรือ ธิดาของเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ในครั้งนี้ฮั่นหยวนตี้ทรงตัดสินพระทัยที่จะเลือกนางสนมคนหนึ่ง พระองค์ส่งคนไปยังวังหลังให้ประกาศว่า “ผู้ใดยินดีที่จะไปยังเผ่าซงหนู ฮ่องเต้ก็จะแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิง” บรรดานางสนมในวังหลังนั้นต่างก็คัดเลือกมาจากราษฎรสามัญชน เมื่อพวกนางถูกคัดเลือกเข้ามาในวังหลวงแล้วก็เหมือนกับนกที่ถูกกักขังอยู่ใน กรง ต่างก็หวังว่าจะมีสักวันหนึ่งที่พวกนางจะได้ออกจากวังไป แต่เมื่อได้ยินว่าจะต้องจากบ้านเกิดไปยังเผ่าซงหนู ต่างก็ไม่มีผู้ใดเต็มใจไป มีนางสนมคนหนึ่งนามว่าหวังเฉียง ฉายาเจาจวิน มีรูปโฉมงดงาม มีความรู้ ยินยอมที่จะไปแต่งงานยังเผ่าซงหนู หยวนตี้จึงได้เลือกวันที่จะจัดงานสมรสให้ข่านฮูหานเสีย และหวังเจาจวินที่นครฉางอาน 
             ในขณะที่ข่านฮูหานเสีย และหวังเจาจวินกำลังแสดงความเคารพต่อฮั่นหยวนตี้อยู่นั้น ฮั่นหยวนตี้ก็ได้ทรงเห็นว่าหวังเจาจวินนั้นทั้งงดงาม และสุภาพเรียบร้อย นับว่าเป็นสาวงามในราชสำนักฮั่น ตำนานเล่าว่าเมื่อฮั่นหยวนตี้เสด็จกลับวังแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งทรงพิโรธ จึงได้บัญชาให้นำเอารูปภาพของหวังเจาจวินมาให้ทอดพระเนตร ในรูปภาพนั้นแม้จะมีส่วนที่คล้ายคลึงอยู่บ้าง แต่ไม่มีความงดงามเหมือนหวังเจาจวินตัวจริงโดยสิ้นเชิง ทีจริงแล้วหลังจากที่บรรดานางสนมเข้ามาในวัง โดยทั่วไปมักจะไม่ได้พบกับฮ่องเต้ แต่จะให้บรรดาจิตรกรวาดภาพ และส่งภาพเหล่านั้นไปให้ฮ่องเต้เลือก มีจิตรกรคนหนึ่งนามว่าเหมาเหยียนโซ่ว เวลาที่วาดภาพนางสนมทั้งหลายนั้น หากนางสนมคนใดให้สิ่งของเงินทอง ก็จะวาดให้สวยงาม หวังเจาจวินไม่ยินยอมที่จะติดสินบน ดังนั้นเหมาเหยียนโซ่วจึงไม่ได้วาดภาพออกมาตามความจริง ฮั่นหยวนตี้ทรงพิโรธมาก รับสั่งให้ประหารชีวิตเหมาเหยียนโซ่ว

          ภายใต้การคุ้มกันของบรรดาขุนนางราชวงศ์ฮั่นและเผ่าซงหนูหวังเจาจวินก็ได้เดินทางออกจากนครฉางอาน นางขี่มาฝ่าลมหนาวอันทารุณ เดินทางนับพันลี้ไปยังเผ่าซงหนู เป็นมเหสีของ   ข่านฮูหานเสีย ได้รับยศเป็น “หนิงหูเยียนจือ” ด้วยความหวังว่านางจะสามารถนำเอาความสงบสุขและสันติภาพมาสู่ชนเผ่าซงหนู หวังเจาจวินต้องจากบ้านเกิดไปไกล อาศัยอยู่ในเผ่าซงหนูเป็นเวลานาน นางเกลี้ยกล่อมข่านฮูหานเสียอย่าได้ทำสงคราม ทั้งยังเผยแพร่วัฒนธรรมของชาวฮั่นให้แก่ชาวซงหนู 
          นับจากนั้นเป็นต้นมา เผ่าซงหนูและราชวงศ์ฮั่นต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างสันต และไม่มีสงครามเป็นเวลานานถึงหกสิบกว่าปี ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ข่านฮูหานเสียสิ้นชีวิตแล้ว นางก็ได้ “ทำตามประเพณีของชาวซงหนู”โดยแต่งงานใหม่กับบุตร   ชายคนโตที่เกิดกับภรรยาหลวงของข่านฮูหานเสีย ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะขัดกับขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวฮั่น แต่นางก็คำนึงถึงส่วนรวมเป็นหลัก และคิดที่รักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวฮั่นและชาวซงหนู หวังเจาจวินได้ให้กำเนิดบุตรชาย 1 คน และบุตรสาว 2 คนที่เผ่าซงหนู ปีและสถานที่ที่นางถึงแก่กรรมนั้น หนังสือประวัติศาสตร์ไม่ได้บันทึกเอาไว้ 
............................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น