ฉายาเจ้าพระยาจ้วงโหมว(壯繆侯)
-สังฆรามโพธิสัตว์เฉียหลันผูซ่า (伽藍菩薩)
- กวนเส้งเต้กุน (關聖帝君)
ตำแหน่ง1ใน5..ขุนพลพยัคฆ์แห่งจ๊กก๊ก(Five..Tiger Generals)
-พระยาพิทักษ์ฮั่น(ฮั่นโซ้วถิงโห)
ปรากฏพงศาวดารจีน-สามก็ก (Romance.of.the.Three Kingdoms)
สัญชาติ จีน(Chinees)
พี่น้องร่วมสาบาน เล่าปี่ ,เตียวหุย ,จูล่ง
บุตรและธิดากวนเป๋ง ,กวนหิน กวนสกและบุตรสาว
กำเนิด 24 เดือน 6 จีนศักราชเอี่ยงฮี ค.ศ.161
- อำเภอฮอตั๋งไกเหลียง ดินแดนฮอตั๋ง(Xie (解),)
เสียชีวิตอายุ 58 ปี-12.เดือนที่ 7.จีนศักราชเคี่ยงเซ้ง ค.ศ.219
อาวุธ ง้าวจันทร์เสี้ยวมังกรเขียว" ยาว 11 ศอก หนัก 82 ชั่ง
ลักษณะเด่น รูปร่างสูง 9 ฟุตจีนหรือประมาณ 6 ศอก ใบหน้าแดงเหมือนผลพุทราสุก นัยน์ตายาวรี คิ้วดั่งหนอนไหม หนวดเครางามถึงอก
กวนอู (Guan Yu) ชื่อรองว่า หวินฉางมีตัวตนอยู๋จริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก ในรัชสมัยของพระเจ้าฮั้นฮวนเต้ เสียชีวิตในรัชสมัยของพระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้ มีชื่อรองว่าหุนเตี๋ยง (云长) มีความเชี่ยวชาญและเก่งกาจวิทยายุทธ จงรักภักดี กตัญญูรู้คุณ มีคุณธรรมและซื่อสัตย์เป็นเลิศ ในวัยหนุ่มได้พลั้งมือฆ่าปลัดอำเภอและน้าชายตายจนต้องหลบหนีการจับกุม และพบกับเล่าปี่และเตียวหุยจนร่วมสาบานตนเป็นพี่น้องกันในสวนท้อ ร่วมทำศึกกับเล่าปี่มาโดยตลอด เป็นหนึ่งในห้าทหารเสือของเล่าปี่ ครองเกงจิ๋วร่วมกับกวนเป๋งบุตรบุญธรรมและจิวฉอง ภายหลังถูกแผนกลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลของลกซุนและลิบองจนเสียเมืองเกงจิ๋ว กวนอูคับแค้นใจที่พลาดท่าเสียทีลกซุนและลิบองจึงนำทัพไปตีเกงจิ๋วเพื่อแย่ง ชิงคืน แต่ถูกจูเหียนและพัวเจี้ยงจับได้พร้อมกวนเป๋งที่เขาเจาสันและถูกประหารในปี พ.ศ. 762 รวมอายุได้ 58 ปี
.........................
กวน อูเดิมเป็นชาวอำเภอไก่เหลียง รูปร่างสูงใหญ่ สง่างามน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น มีกำเนิดในครอบครัวนักปราชญ์ เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์พิชัยสงครามและคัมภีร์หลี่ซื่อชุนชิว เป็นนักโทษต้องคดีอาญาแผ่นดิน หลบหนีการจับกุมเร่รอนไปทั่วประเทศจีนเป็นเวลานานถึง 5 ปี จนกระทั่งถึงด่านถงกวน นายด่านพบพิรุธจึงสอบถามชื่อแซ่ กวนอูตกใจจึงชี้ไปที่ชื่อด่านคือ "ถงกวน" (ในภาษาจีนกลาง คำว่า "กวน" แปลว่า ด่าน) ทำให้นายด่านเข้าใจว่ากวนอูนั้นแซ่กวน
หนังสือ สามก๊กพูดึงกวนอูเป็นครั้งแรกเมื่อตอนที่เล่าปี่และเตียวหุยพากันมากินเหล้า ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แล้วกวนอูซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างได้ร้องตะโกนสั่งอาหารว่า "รีบนำสุราอาหารมา เสร็จแล้วเราจะไปอาสาแผ่นดิน" ตีความง่ายๆว่ากินเสร็จแล้วข้าจะไปรบ
เล่าปี่รู้สึกสะดุดตาในรูปร่างท่าทางและบุคลิกอันองอาจของกวนอูจึงชวนมาร่วม โต๊ะด้วย และเมื่อทั้งสามคุยกันถูกคอและมีอุดมการณ์เดียวกัน จึงได้สาบานเป็นพี่น้องนับแต่นั้น
ช่วงเวลานั้นแผ่นดินกำลังลุกเป็นไฟเพราะการลุกฮือของโจรผ้าเหลือง เล่าปี่จึงคิดจะไปสมัครเป็นทหารอาสาเพื่อราบโจร กวนอูกับเตียวหุยจึงร่วมด้วย ซึ่งการนี้มีชาวบ้านมาขอเข้าร่วมกับเล่าปี่เป็นจำนวนถึง 500 คน และมีชาวบ้านบริจาคเหล็กกล้าเพื่อทำเป็นอาวุธ ซึ่งเมื่อนำมาตีแล้วก็ได้เป็นง้าวมังกรเขียวอันเป็นอาวุธประจำตัวของกวนอู นับแต่นั้นกองทหารอาสาทำการปราบพวกโจรผ้าเหลืองอย่างได้ผล เมื่อเสร็จศึก เล่าปี่ก็ได้รับแต่งตั้งจากส่วนกลางให้ไปเป็นนายอำเภอ โดยกวนอูกับเตียวหุยได้ติดตามไปด้วย
แต่ไม่นานก็ลาออกมาเพราะเล่าปี่ไปผิดใจกับผู้ตรวจการที่มาตรวจราชการแล้วขอ สินบน สามพี่น้องจึงพากันไปอยู่กับกองซุนจ้านซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเล่าปี่ ซึ่งเป็นแม่ทัพรักษาเมืองปักเป๋งทางตอนเหนือ เขาจึงตั้งให้เล่าปี่ไปเป็นนายอำเภอเมืองผิงหยวนแทนต่อมาเกิดเหตุตั๋งโต๊ะ ก่อรัฐประหารขึ้น เหล่าแม่ทัพ 18 หัวเมืองรวมตัวกันตั้งทัพพันธมิตรเพื่อล้มทรราชย์ กองซุนจ้านก็เข้าร่วมด้วย ส่วนเล่าปี่ได้เป็นนายทัพคุมทหารจำนวนหนึ่ง โดยกวนอูรับตำแหน่งนายทหารม้ามือธนู ซึ่งเป็นเพียงตำแหน่งของทหารเลวแต่ในศึกครั้งนี้กลายเป็นศึกที่สร้างชื่อให้ สามพี่น้อง
เมื่อฮัวหยงขุนพลมือซ้ายของตั๋งโต๊ะออกประจันหน้าและท้าดวลชนะเหล่านักรบ ชื่อดังของฝ่ายทัพพันธมิตรได้คนแล้วคนเล่า กวนอูจึงขันอาสาออกศึก ท่ามกลางการดูถูกของเหล่าขุนศึก โดยมีเพียงโจโฉที่เป็นเลขาธิการกองทัพ ออกมามอบสุราให้ ซึ่งกวนอูก็ว่าให้อุ่นคอยท่าไว้ ตัวเขาไปรบเสร็จแล้วจะกลับมาดื่ม
ซึ่งปรากฏว่ากวนอูสามารถเอาชัยและเด็ดศีรษะของฮัวหยงมาได้ในกระบวนท่าเดียว และกลับมาโดยที่สุรายังอุ่นอยู่ นั่นทำให้ชื่อของกวนอูโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วแผ่นดิน จากนั้นเมื่อลิโป้ออกมาท้ารบด้วยตัวเองและสังหารเหล่านักรบไปมากมาย เตียวหุยก็อาสาออกไปบ้าง โดยเมื่อสู้ไปได้หลายสิบเพลง กวนอูกับเล่าปี่ก็เข้าไปสมทบ จนลิโป้ซึ่งตอนนั้นได้ชื่อว่าเป็นเทพนกรับที่ออกศึกครั้งใดก็ไม่เคยพ่าย ถึงกับต้องล่าถอยกลับไป นั่นทำให้ชื่อของสามพี่น้องร่วมสาบานโด่งดังไปทั่ว และกวนอูก็ถูกยกย่องว่ามีฝีมือไม่หยิ่งหย่อนไปกว่าเทพสงครามอย่างลิโป้
หลังจากเสร็จศึกนั้น ตั๋งโต๊ะก็ถูกลิโป้สังหาร ทำให้เหล่าขุนศึกทั่วแผ่นดินต่างกระโจนเข้ามาร่วมชิงแผ่นดินเโดยต่างก็อ้าง เหตุผลส่วนตัวเพื่อขยายอำนาจให้กับตัวเอง ไม่นานนักโจโฉนำกองทัพเข้ามาปราบลิโป้ได้สำเร็จ เล่าปี่สามพี่น้องก็กลายเป็นบริวารของโจโฉเล่าปี่ถูกเชิญให้เข้าเมืองหลวง และเขากับกวนอูเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ซึ่งเล่าปี่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระเจ้าอา ส่วนกวนอูนั้นได้รับการชื่นชมจากฮ่องเต้ว่าเป็นบุรุษเครางามเมื่ออยู่กับโจ โฉไปนานเข้า เล่าปี่ก็รู้สึกว่าตนไม่อาจจะอยู่ใต้โจโฉได้อีก เพราะลักษณะที่ไม่ยอมอยู่ใต้ใคร
ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเล่าปี่จึงทำทีขอกำลังทหารไปปราบอ้วนสุด แต่เมื่ออกมาได้แล้วก็ชิ่งหนีไปและข้ายึดเมืองชีจิ๋วกลับมาทันทีโจโฉโกรธมาก จึงสั่งกองทัพบดขยี้เล่าปี่จนต้องหนีกระเซอะกระเซิง และต้องแยกจากกันกับกวนอู เตียวหุย โดยกวนอูขณะนั้นมีหน้าที่อารักขาครอบครัวของเล่าปี่ เมื่อจนมุมต่อทหารของโจโฉ ด้วยการเกลี้ยกล่อมของเตียวเลี้ยว แม่ทัพของโจโฉที่เคยเป็นเพื่อนกับเขามาก่อน รวมกับมีภาระอย่างเมียทั้งสองของเล่าปี่ เขาจึงตัดสินใจยอมจำนนต่อโจโฉเมื่อมาอยู่กับโจโฉ เขาได้รับการอวยยศเป็นฮั่นโซ้วถิงโหว (พระยาพิทักษ์ฮั่น) และได้ออกศึกใหญ่ให้โจโฉหลายครั้ง แต่ด้วยใจที่อยู่กับนายเก่าในที่สุดก็ตัดสินใจบอกลาเพื่อกลับไปหานายเก่า อันเป็นที่มาของตำนาน บุกเดี่ยวพันลี้หนีจากโจโฉเพื่อหวนกลับคืนสู่เล่าปี่ ฝ่า 5 ด่าน สังหาร 6 ขุนพลจนมาพบกับเล่าปี่ เตียวหุยอีกครั้ง
จนเมื่อปีค.ศ.207 โจโฉสามารถรวมภาคเหนือและกลางได้ทั้งหมดจึงตัดสินใจรวบรวมไพร่พลหมายจะบุกลงใต้ และเกงจิ๋วเมืองของเล่าปี่ก็คือด่านแรกเพื่อรับมือโจโฉ เล่าปี่จึงต้องควานหาคนเก่งมาช่วยงาน โดยได้รับคำชี้แนะจากสุมาเต็กโช เสนอชื่อมาสองคนนั่นคือ ขงเบ้งกับบังทองเล่าปี่ได้รับการชี้ช่องแบบนั้นก็ออกตามหาขงเบ้ง จนพบตัวและสามารถเกลี้ยกล่อมจนยอมลงจากเขามาช่วยเป็นกุนซือดำรงตำแหน่ง เสนาธิการกองทัพ
จนมาถึงศึกเซ็กเพ็กโจโฉแตกทัพเรือหนีไปตามเส้นทางฮัวหยง กวนอูได้รับมอบหมายจากขงเบ้งให้นำกำลังทหารมาดักรอจับกุม โจโฉว่ากล่าวตักเตือนให้กวนอูระลึกถึงบุญคุณครั้งก่อนจนกวนอูใจอ่อนยอมปล่อย โจโฉหลุดรอดไป โดยยอมรับโทษประหารตามที่ได้ทำทัณฑ์บนไว้กับขงเบ้ง แต่สุดท้ายนั่นก็เป็นเพียงการคาดโทษๆไว้ก่อนเท่านั้น
เมื่อเล่าปี่สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิครองเสฉวน ได้ให้กวนอูไปกินตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วและแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในห้า ทหารเสือของเล่าปี่ ภายหลังซุนกวนมอบหมายให้โลซกเจรจาขอเกงจิ๋วคืน กวนอูบุกเดี่ยวข้ามฟากไปกังตั๋งเพื่อกินโต๊ะตามคำเชิญโดยที่โลซกและทหารที่ แอบซุ่มรอบ ๆ บริเวณไม่สามารถทำอันตรายได้ ภายหลังซุนกวนเป็นพันธมิตรกับโจโฉนำทัพโจมตีเกงจิ๋ว กวนอูพลาดท่าเสียทีแก่ลิบองและลกซุนสองแม่ทัพแห่งกังตั๋งจนเสียเกงจิ๋ว พยายามตีฝ่ากำลังทหารที่ล้อมเมืองเป๊กเสียเพื่อชิงเกงจิ๋วกลับคืนแต่โดนกล อุบายจับตัวไปได้
ซุนกวนพยายามเกลี้ยกล่อมให้กวนอูยอมจำนนและสวามิภักดิ์แต่ไม่สำเร็จ จึงถูกประหารพร้อมกับกวนเป๋งบุตรบุญธรรมในเดือนสิบสองของปี พ.ศ. 762 ศีรษะของท่านกวนอูถูกซุนกวนส่งไปมอบให้แก่โจโฉที่ฮูโต๋ ซึ่งเป็นกลอุบายที่หมายจะหลอกให้เล่าปี่หลงเชื่อว่าโจโฉเป็นผู้สั่งประหาร กวนอู และนำกำลังทหารไปทำศึกสงครามกับโจโฉแทน แต่โจโฉเท่าทันกลอุบายของซุนกวนจึงจัดงานศพให้แก่กวนอูอย่างสมเกียรติ นำไม้หอมมาต่อเป็นหีบใส่ศีรษะกวนอู แต่งเครื่องเซ่นไหว้ตามบรรดาศักดิ์ขุนนางผู้ใหญ่รวมทั้งสั่งการให้ทหารทั้ง หมดแต่งกายขาวไว้ทุกข์ให้แก่กวนอู ยกย่องให้เป็นอ๋องแห่งเกงจิ๋วและจารึกอักษรที่หลุมฝังศพว่า
"ที่ฝังศพเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ศีรษะของกวนอูถูกฝังไว้
ณ ประตูเมืองลกเอี๋ยงหรือลัวหยางทางด้านทิศใต้
...........................
เยี่ยมมากครับ เป็นกำลังใจให้นำเสนอบทความดี ๆ ต่อไป
ตอบลบ