ฉายาเจ้าหญิงอินเดียนแดงพลัดถิ่น
สัญชาติชนเผ่าอินเดียนแดงพาวฮาตาน( Powhatan -Native American )
บิดาพาวฮาตาน ( Wahunsenacawh - Chief Powhatan) ผู้นำอันยิ่งใหญ่
สามีจอห์น โรล์ฟ( John Rolfe)
บุตรโทมัส โรล์ฟ (Thomas Rolfe)
เกิดเมื่อ ประมาณ ค.ศ.1595
- ที่เผ่าวีโรโวโคโมโค่ เวอร์จีเนีย(Werowocomoco - Virginia)
เสียชีวิตเมื่อ อายุประมาณ21-22 ปี – มีนาคม ค.ศ.1617
-ท่าเรือเกรฟเซนด์ (Gravesend - England)
โพคาฮอนทัส (Pocahontas - Rebecca) ชื่อจริง "มาโตอาคา"เธอเป็น หญิงสาวชาวอินเดียแดง ที่มีนิสัยซุกซนรักอิสระ และมีมนุษยธรรม ตัวเธอเป็นตัวจักรสำคัญในการรักษาสันติภาพระหว่างชาวอาณานิคมอังกฤษกับชนเผ่า อินเดียนแดง ตำนานของเธอเป็นที่เล่าขานและรู้จักกันในเรื่องของความรักระหว่างเธอกับนักผจญภัยหนุ่มชาวอังกฤษชื่อ จอห์น โรล์ฟซึ่งครั้งหนึ่งด้วยความเข้าใจผิดกับชนพื้นเมืองเค้าเกือบจะถูกสำเร็จโทษโดยเผ่าของเธอเองเธอถึงกับยอมเอาตัวเข้าขวางเพื่อช่วยชีวิตเค้าจนในที่สุดก่อเกิดเป็นตำนานความรักต่างชนชาติที่น่าจดจำขึ้นมา
มาโตอาคาธอเป๊น เจ้าหญิงอินเดียนแดง ธิดาของ "พาวฮาตาน" หัวหน้าเผ่าอันยิ่งใหญ่ผูนำแห่งพันธมิตร30ชน เผ่าแห่งเวอร์จิเนียตะวันออก แม่ของเธอเป็นหนึ่งในภรรยาหลายสิบคนของหัวหน้าเผ่า เธอเกิดใกล้เมืองเจมส์ทาวน์ รัฐเวอร์จิเนีย เรื่องราวรายละเอียดในช่วงต้นและการผจญภัยของเธอนั้นถูกบันทึกไว้จากหนึ่งในชาวอังกฤษที่มา ตั้งรกรากในโลกใหม่นามว่าจอห์นสมิท (John Smith) ซึ่งทำการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแบบบันทึกการเดินทางจึงทำให้รายละเอียดบางสิ่ง บางอย่างที่บันทึกไว้อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะตัวจอห์น โรล์ฟ(John Rolfe )สามีของเธอเองแม้จะรู้เรื่องโพคาฮอนทัสเป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่เคยเล่าเรื่องของเธอเลย
จนกระทั่งปี 1624 หลังจากที่โพคาฮอนทัสเสียชีวิตเป็นเวลาหลายปีเค้าถึงได้เล่าเรื่องของเธอให้ผู้อื่นได้ฟังบ้างเป็นครั้งคราว
เรื่องราวของโพคาฮอนทัสในฉบับการ์ตูนกับชีวิตจริงนั้นมีข้อแตกต่างอยู่บ้างโดยเฉพาะเรื่องความรักของเธอ มาโทอากา(Matoaca) เป็นชื่อจริงที่ถูกตั้งมาแต่กำเนิดของเธอ แต่ในภายหลังจากความซุกซนชอบวิ่งเล่นในป่าจึงมักเรียกว่า “ โพคาฮอนทัส” เธอเกิดในเผ่าที่ค่อนข้างจะเจริญในแง่วัฒนธรรมประเพณีที่บางส่วนได้รับ อิทธิพลมาจากยุโรป อย่างไรก็ตาม เมื่อกัปตันจอห์น สมิธกับพวกเดินทางมายังดินแดนที่เป็นรัฐเวอร์จีเนียในปัจจุบัน เธอค่อนข้างจะให้ความสนใจกับคนเหล่านี้อย่างมาก และก็เป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้คนผิวขาวผู้มาใหม่มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยโดยอาศัยกุศโลบายทางการทูต และความมีน้ำใจอารีของเธอ ในตอนนั้นเธอมีอายุประมาณ11ปีเท่านั้น
ช่วงเดือนเมษายน ปีค.ศ. 1607 ชาวอาณานิคมกว่า 100 คน นำโดยกัปตัยจอห์น สมิธได้อพยพเข้ามาตั้งรกรากในดินแดนเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นดินแดนในปกครองของเผ่าพาวฮาตานพวกเค้าเริ่มสร้างป้อมและขุดคูน้ำเพื่อใช้ทำการเกษตร หลังจากนั้นหลายเดือนต่อมาเริ่มมีการติดต่อค้าขายกับชาวพื้นเมืองในท้องถิ่นบ่อยครั้งซึ่งมีทั้งพวกที่เป็นมิตรและพวกที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นมิตรรวมอยู่ด้วยแต่ทุกอย่างก็ยังคงสงบอยู่
จนกระทั่ง ธันวาคม 1607 ขณะทำการสำรวจแม่น้ำ(Chickahominy River) จอห์น สมิธถูกจับโดยชนเผ่าพาวฮาตานในข้อหาลุกล้ำอาณาเขตเขาถูกพาตัวไปให้หัวหน้าเผ่าตัดสินแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีด้วยความช่วยเหลือจากโพคาฮอนทัส จึงเป็นการคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ทางการทูตและจบลงด้วยงานเลี้ยงต้อนรับแขกผู้มาเยือน
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างชาวอาณานิคมกับชนพื้นเมืองก็ดีขึ้นเรื่อยๆรวมทั้งความสัมพันธ์ของทูตทั้งสองก็ก่อตัวขึ้นทีละน้อยจนกระทั่งจอห์ สมิทประสบอุบัติเหตุจากการระเบิดของคลังเก็บดินปืนจนบาดเจ็บสาหัสทำให้ต้องเดินทางกลับไปอังกฏษอย่างเร่งด่วนเพื่อไปพักรักษาตัวในช่วงเวลานี้เองข่าวเกี่ยวกับจอห์ สมิทได้เงียบหายไปและมีข่าวว่าเค้าได้เสียชีวิตในระหว่างการเดินทาง
ปลายฤดูร้อน ค.ศ.1609 กัปตันเซมวล อาร์กอลล์ (Captain Samuel Argall ) ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลอาณานิคม เค้าเป็นพวกชาตินิยม มองผลประโยชน์ของชาติมาเป็นอันดับหนึ่ง จึงต้องการที่จะสร้างเขื่อนในแม่น้ำเจมส์เพื่อกักน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้งจึงสร้างความไม่พอใจให้เผ่าที่อยู่ท้ายน้ำเป็นอันมาก และยิ่งเมื่อฤดูหนาวมาเยือนความแห้งแล้งและความอดอยากทำให้ประชากรในอาณานิคมเริ่มขยายพื้นที่ล่าสัตว์และเพาะปลูกออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับจำนวนประชากรที่มากขึ้นทำให้หัวหน้าเผ่า พาวฮาตานเริ่มรู้สึกว่าพวกอาณานิคมเริ่มเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชนเผ่าในระแวกนี้
ในปีค.ศ. 1613 อินเดียนแดงเผ่าหนึ่งได้รับการยุยงจากกัปตันแซมวล อาร์กอลล์จับตัวโพคาฮอนทัสไว้ต่อรองให้พาวฮาทัน พ่อของเธอปล่อยตัวทหารอังกฤษที่ถูก จับเป็นเชลย พาวฮาทันยอมปล่อยตัวนักโทษให้เป็นอิสระแต่กลับถูกหักหลังเพราะโพคาฮอนทัสไม่ ได้รับการปล่อยตัวอย่างที่ตกลงกันไว้
หนึ่งปีให้หลังจอห์น.โรล์ฟคนอังกฤษชาวอาณานิคม ประกาศให้สาธารณชนรู้ว่าเขารักโพคาฮอนทัสและปรารถนาจะแต่งงานกับเธอ และช่วงเวลาก่อนจะเข้าพิธีแต่งงานในเดือนเมษายน 1614 โพคาฮอนทัสก็เข้าพิธีล้างบาปและได้รับชื่ออังกฤษว่าคุณหญิงรีเบคกา รอล์ฟ(Lady Rebecca Rolfe)
ช่วงฤดูใบไม้ผลิปี1616 รอล์ฟกับภรรยาและลูกชายตัวน้อยๆชื่อโทมัสเดินทางกลับประเทศอังกฤษ บริษัทvirginia Companyต้องการที่จะใช้โพคาฮอนทัสเป็นจุดโฆษณาชักชวนให้ นักลงทุนทั้งหลายหันมาสนใจที่จะลงทุนในโลกใหม่ โพคาฮอนทัสจึงเป็นข่าวดังไปทั่วอังกฤษถึงขนาดที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ เข้าเฝ้ากษัตริย์เจมส์ในพระบรมมหาราชวังกับยังได้พบ บุคคลชั้นสูงในวงศ์สังคมผู้ดีอังกฤษอีกด้วย และในงานสังคมครั้งหนึ่งที่เธอได้พบกับจอห์น สมิท(John Smith)โดยบังเอิญหลังจากที่จากกันไปถึง7ปีเต็ม ซึ่งก่อนหน้านี้เธอรู้เพียงว่า จอห์น สมิท(John Smith)นั้นเสียชีวิตแล้ว ทำให้เธอถึงกับ ตะลึงไปเหมือนกัน
ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิปี 1617 ครอบครัวรอล์ฟเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับเวอร์จีเนีย แต่ก็ไปได้ไกลแค่ท่าเรือเกรฟเซนด์ซึ่งยังอยู่บนฝั่งของทะเลอังกฤษ โพคาฮอนทัสติดเชื้อโรคไข้ทรพิษและเสีย ชีวิตอย่างฉับพลันขณะที่อายุแค่ 21 ปีเท่านั้นร่างอันไร้ลมหายใจของเธอถูกฝังไว้ใต้ผืนดินในสุสานของโบสถ์เซนต์ยอร์จที่เมืองเกรฟเซนด์นั่นเอง
...........................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น