12 กันยายน 2556

Legend Supayalat สุภยาลัต ราชินีโหดองค์สุดท้ายแห่งพม่า

Myth Supayalat The last.Queen
ฉายาราชินีโหดองค์สุดท้ายแห่งพม่า(The last Queen of Myanmar)
ตำแหน่ง สมเด็จพระราชินีแห่งพม่าราชวงค์ อลองพญา
สัญชาติ พม่า(BURMA)
พระราชบิดาพระเจ้ามินดง(King Mindon)
พระราชมารดาพระนางอเลนันดอ(Princess Hsinbyumashin) 
สวามี พระเจ้าธีบอ
โอรสและธิดา 6 พระองค์ เจ้าชายไม่ปรากฏนาม ,เจ้าหญิงไม่ปรากฏนาม
-เจ้าหญิงมยะพะย๊าจี,เจ้าหญิงมยะพะย๊าละ ,เจ้าหญิงมยะพะย๊า ,เจ้าหญิงมยะพะย๊ากะเล
เกิดเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2402
-เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า(Mandalay)
สวรรคต อายุ 65 ปี - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468
-เมืองย่างกุ้ง(Yangon)

          สุภยาลัต(Supayalat) เรื่องราวของพระนางถูกกล่าวถึง เมื่อครั้งพระเจ้ามินดงสิ้นพระชนม์ พระราชโอรสคือพระเจ้าสีป่อก็ได้ครองราชย์แทนโดยการสนับสนุนจากพระนางอเลนันดอมเหสีรองของพระเจ้ามินดง (พระมารดาของสุภยาลัต) ที่จริงยังมีเจ้าชายที่เหมาะสมกว่าพระเจ้าสีป่ออีกหลายองค์ แต่พระนางอเลนันดอเลือกเจ้าชายสีป่อและให้อภิเษกสมรสกับพระธิดาของตน  เพราะเจ้าชายสีป่อเป็นคนหัวอ่อนปกครองง่าย
http://legendtheworld.blogspot.com/2013/09/supayalat-lastqueen.html...................




           ครั้นขึ้นครองราชย์แล้วพระนางสุภยาลัตก็จัดให้มีงานฉลองในวัง 3 วัน 3 คืน ซึ่งเเม้หน้าวังมีมหรสพครึกครื้นสนุกสนาน แต่บริเวณหลังวังกลายเป็นลานประหารชีวิตเจ้า พี่ เจ้าน้อง เจ้าจอมมารดาเเละพระประยูรญาติทั้งชราภาพเเล้วเเละยังเดินเกาะชายผ้าถุงเจ้า จอมมารดาของพระเจ้าสีป่อหลายสิบองค์ทั้งชายและหญิงพร้อมพระมารดาของแต่ละองค์และคนใกล้ชิดรวมแล้วเป็นร้อยคน คือฆ่าหมู่ทั้งเด็กผู้ใหญ่และคนแก่เพื่อเป็นการถอนรากถอนโคนไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อการครองบัลลังก์ วิธีการก็คือขุดหลุมนำเจ้ามานอนหงายใช้ไม้ไผ่ทุบที่คอจนตายแล้วโยนลงหลุมจนหมด เสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวถูกกลบด้วยเสียงมหรสพ พระเจ้าสีป่อเองก็กำลังทอดพระเนตรการแสดงอยู่หน้าวังและถูกมอมเหล้าเพื่อไม่ให้รับรู้เรื่องราวต่างๆ

สุภยาคยี - สุภยาลัต - พระเจ้าธีบอหรือสีป่อ
         ผ่านไปหลายวันศพในหลุมพองอืดดันดินขึ้นมาส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ววังพระนางสุภยาลัตจึงสั่งให้นำช้างมาเหยียบย่ำพื้นจนเรียบ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะศพเยอะเกินไป สุดท้ายต้องขุดศพใส่เกวียนนำไปทิ้งแม่น้ำและฝังนอกเมืองทำให้พระเจ้าสีบอเเละประชาชนต่างรู้ความจริงเเละหวาดผวา
        ว่ากันว่าพระนางสุภยาสัตเป็นคนที่ขี้ริษยาเเละขี้หึงอย่างร้ายกาจ เเละรุนเเรงมาก สามารถทำร้ายหรือฆ่าได้ทั้งพี่เเละน้องของตนได้ อย่างพระนางสุภยาคยีซึ่งเป็นพี่สาวของนางเอง เเละได้อภิเษกกับพระเจ้าสีป่อขึ้นเป็นพระอัครมเหสีซึ่งตำเเหน่งสูงกว่านาง ซึ่งได้เป็นพระอัครชายา นางจึงหาวิธีใส่ร้ายป้ายสีหวังเเย่งชิงตำเเหน่งพระอัครมเหสีจากพี่สาวตนเอง จนพระนางพระนางอเลนันดอผู้เป็นมารดาจึงต้องเข้าช่วยเหลือโดยพาพระนางสุภยาคยีมาอยู่กับตนเพื่องป้องกันชีวิตนั่นเอง เเละประเพณีพม่าสมัยนั้นได้มีประเพณีว่าหากกษัตริย์คนก่อนมีพระราชธิดา ก็จะให้เก็บไว้ให้กษัตรืย์องต่อไป ซึ่งเป็นการเเต่งตั้งล่วงหน้าว่าพระราชธิดาองค์นี้จะได้เป็นพระอัครมเหสีของ กษัตริย์องค์ต่อไปนั่นเอง เเต่เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตลง พระเจ้าสีป่อขึ้นครองราชย์ พระราชธิดาที่พระเจ้ามินดงเเต่งตั้งไว้ก็หนีไปบวชชี (เหตุคงเป็นเพราะเกรงกลัวพระนางสุภยาสัต) เเละหากนางรู้ว่าพระเจ้าสีป่อนั้นเเอบไปมีเล็กมีน้อยอย่างนางสนมกำนัลใน หรือเเม้เเต่หญิงที่พระเจ้าสีป่อทอดพระเนตรนานเกินไป เเละสิ่งที่พระนางสุภยาสัตจะประทานให้หญิงคนนั้น นั่นก็คือความตายอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้... 


        พระนางสุภยาสัตมีนิสัยที่คล้ายกับพระมารดาคือ ทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง ชิงดีชิงเด่น หลงใหลในอำนาจ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เเละสิ่งที่นางโปรดปรานมากที่สุดก็คือ เพชร ที่ชาวฝรั่ง เเขก ชวา นำมาขาย
        ต่อมาในวันที่ 15 พฤศจิกายน 1885  พม่าแพ้ในสงครามล่าอณานิคมตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ พระเจ้าธีป่อ พระนางอนันเลดอ พระนางสุภยาสัต หลบหนีออกจากเมืองทางใต้ของกำแพงเมืองและลัดเลาะไปทางแม่น้ำอิรวดี และไปลี้ภัยอยู่ในอินเดีย ซึ่งเเม้ว่าจะพลัดบ้านพลัดเมืองอยู่ในต่างแดน พระนางสุภยาสัตก็ยังไม่สำนึกผิด ยังทำตัวเหมือนราชินีดังเดิม โดยการให้คนรับใช้ของพระนาง (ซึ่งเป็นชาวเเขก)ทำตัวเหมือนประเพณีของพม่าเช่นการหมอบกราบ การหมอบคลาน ทำให้ไม่มีคนอยู่กับพระนางได้นานนัก ซึ่งชะตาชีวิตของทั้งสามกษัตริย์มีผลสรุบดังนี้

พระราชวังอิฐ ณ.ประเทศอินเดีย

       พระเจ้าสีป่อสิ้นพระชนม์เมื่ออายุ 58 ปีที่อินเดีย
       พระนางอเลนันดอทะเลาะกับพระนางสุภยาลัต ต้องไปอยู่เมืองมะละแหม่ง (เมืองมะเมี๊ยอยู่) จนตาย
      พระนางสุภยาคยีพี่สาวสิ้นพระชนม์ที่อินเดีย
      พระนางสุภยาลัตกลับมาประทับที่เมืองร่างกุ้งจนมีอายุได้ 66 ปีก็ทรงสิ้นพระชนม์

          พระธิดาบางองค์อภิเษกสมรสประทับอยู่กับพระมารดาบางองค์แต่งงานกับคนเฝ้าวังที่อินเดียลำบากทุกข์ยาก บางองค์ถูกไล่ไปอยู่เมืองมะละแหม่ง  ช่วงบั้นปลายชีวิตของพระนางสุภยาลัตมีนักข่าวไปสัมภาษณ์พระนางบอกว่าไม่ ได้เป็นคนสั่งฆ่าเจ้าี่พี่เจ้าน้อง (แต่นางน่าจะมีส่วนรู้เห็น)ทำให้คนภายหลังเชื่อกันว่าตัวการใหญ่น่าจะเป็น พระนางอเลนันดอมากกว่า
...............................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น