Legend Eve อีฟมารดาแห่งทุกสรรพสิ่งผู้โง่เขลา

Myth Eve Mother of all Living

ฉายามารดาผู้ให้กำเนิดทุกสิ่ง(Mother of all Living.)
ตำแหน่ง สตรีคนแรกของโลก
- ชีวิตแรกที่กำเนิดจากพระเจ้า (Living one)
ปรากฏ พระคัมภีร์ไบเบิ้ล (The Bible)
 - คัมภีร์อัลกุรอ่าน(Quran)
พระบิดาพระผู้เป็นเจ้า (Yahweh - God of Israel)
กำเนิดจาก ซี่โครงของอดัม()
สามี อาดัม(Adam)
บุตรคาอิน(Cain),อาเบล(Abel),เซท(Seth),อาเวน(AWan)
กำเนิดครั้งแรกกรุงเยรูซาเล็ม (Jerusalem)
สถานที่ฝังศพเจดดาห์,ซาอุดิอาราเบีย(Jeddah-Saudi Arabia)
สัญลักษณ์แทนตัว หญิงสาว

           เอวาหรือ อีฟ(Eve) เป็นผู้หญิงคนแรก ที่ที่ปรากฏในหนังสือปฐมกาลซึ่งเป็นไบเบิ้ลภาษา ฮิบรู มีบันทึกไว้เกี่ยวกับสตรีคนแรกของโลกที่ถูกสรรสร้างจากพระยโฮวาห์ มีชื่อว่า เอวา เป็นคำมาจากภาษาฮีบรู แปลว่า มีชีวิตอยู่ ตามบันทึกพระคัมภีร์ มนุษย์ผู้หญิงถูกตั้งชื่อว่า อีฟ หรือ เอวา เพราะนางเป็นมารดาของปวงชนที่มีชีวิต ภาษาอาหรับเรียกว่า เฮาวาอ์ เธอเป็นผู้หญิงสวยและภรรยาของอาดัม แต่เนื่องจากความดีพร้อมไร้ซึ่งความสกปรกทำให้เธอกลายเป็นคนโง่ถูกชักจูงจากความชั่วได้ง่ายท้ายที่สุดจึงถูกลงโทษให้ใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์และให้กำเนิดมนุษย์มากมายในเวลาต่อมา 

         ในคัมภีร์ไบเบิล ได้กล่าว่า พระเจ้าทรงใช้เวลาสร้างโลกทั้งสิ้น 900 วัน โดยทรงสร้างมนุษย์ในวันที่ 899 ของการทรงสร้าง ในหนังสือปฐมกาล บทที่ 2  ได้กล่าวถึงไว้ว่า พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ บนโลกใบนี้ เนื่องจากพระเจ้าทรงระบายลมปราณให้แก่มนุษย์ด้วย อาจเรียกลมปราณว่าวิญญาณเป็นเหตุให้หลังจากมนุษย์ตายลง ร่างกายจึงสูญสลายกลับกลายเป็นดินเช่นเดิม

ตำนานศาสนาคริสต์และยูดาห์

      เมื่อพระยาห์เวห์ทรงสร้าง อาดัม มนุษย์ผู้ชายขึ้นมาแล้ว ทรงเห็นว่ายังไม่มีคู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมกับเขา จึงทรงกระทำให้เขาหลับไป และทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา แล้วทำให้เนื้อติดกันเข้าแทนกระดูกอย่างเดิม ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงชักออกจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น ชายนั้นจึงว่า นี่แหละ กระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเปลือยกายกันอยู่ไม่อายกัน

      หลังจากที่พระเจ้าทรงสร้าง อดัมและอีฟขึ้นมาแล้วพระเจ้าได้ประทานสวนแห่งอีเดนและให้สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่อาศัย อาทิ เช่น เสือ สิงโต กวาง ช้าง ร่วมถึงสัตว์ในเทพนิยาย เช่น ยูนิคอน มังกร เป็นต้น พระเจ้าอนุญาติให้ อดัม อีฟและสรรพสัตว์ทั้งหลายกินอะไรก็ได้และในสวนนั้นมีต้นไม้วิเศษ 3 ต้น 
  1.ต้นแห่งปัญญา 
   2.ต้นแห่งชีวิต 
   3.ต้นราคะ ต้นนี้เท่านั้นที่ห้ามกิน 
      ต่อมาไม่นานพระเจ้าทรงปรารถณาที่จะประทานผลแห่งปัญญาให้ อดัมและอีฟเพื่อให้แสงสว่างเข้าถึงพระองค์ เพราะแม้ว่าอดัมและอีฟจะเชื่อฟังพระองค์แต่ก็ไม่อาจเข้าใจและเข้าถึงพระองค์ ได้และอาจทำอะไรผิดพลาดได้แม้จะเชื่อฟังก็ตาม  จึงคิดว่าควรจะประทานผลแห่งปัญญาให้เสียจะได้เข้าถึงพระองค์และกันการผิดพลาด แต่พระองค์คิดช้าไป 

        ซาตานได้กลายร่างเป็นงูขาว แล้วมาปรากฏต่อหน้าอีฟแล้วกล่าวว่า
"จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า อย่ากินผลจากต้นไม้ใด ๆ ในสวนนี้" 

       อีฟนั้นจึงตอบว่า "ผลของต้นไม้ต่าง ๆ ในสวนนี้เรากินได้ ยกเว้นผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่าอย่ากินหรือถูกต้องเลย มิฉะนั้นจะตาย งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า
  "เจ้าจะไม่ตายจริงหรอก เจ้ากินผลไม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือ สำนึกในความดีและความชั่ว" 
       เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าผลไม้นั้นน่ากิน น่าดู และก่อให้เกิดปัญญาอีกด้วย จึงเก็บกิน และส่งให้สามีกินด้วย ตาของทั้งสองคนก็สว่างขึ้น และสำนึกได้ว่าตนเปลือยกายอยู่

          สุดท้ายพระองค์ถึงกับอุทานมาว่า " เหล่าลูกที่น่ารักของข้า บัดนี้เจ้าได้ต้องผลไม้ต้องห้าม หากเจ้าได้กินผลแห่งต้นราคะแล้ว พวกเจ้าต้องถูกขับจากสวนอีเดน แต่เอาเถอะข้าของประทานผลแห่งปัญญาและคัมภีร์เวทมนตร์กัมบาล่าให้พวกเจ้า เพื่อวันใดลูกหลานเจ้าและเจ้าจะได้กลับมาหาข้าอีกครั้ง ส่วนเจ้างูข้าขอให้เข้าจงใช้ท้องแทนขาทั้ง 4 ของเจ้าและเป็นที่รังเกียจของบรรดาลูกหลานของอดัมและอีฟ "
           หลังจากนั้นพระเจ้าก็พาอดัมและอีฟพร้อมสัตว์บางส่วนร่วมถึงสัตว์เทพนิยายมา ยังโลกมนุษย์ เรื่องนี้รู้ถึงหูซาตาน ถึงกับพึงพอใจงูขาวจึงได้นำงูขาวมาเป็นตัวแทนของตน ส่วนงูทองก็เป็นตัวแทนของพระเจ้า
           เนื่องจาก เอวาไม่เชื่อฟัง ดังนั้น ผู้หญิงจึงได้รับโทษคือ ให้รับความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่คือการอุ้มท้องและการคลอดลูก เพื่อเตือนให้มนุษย์ระลึกถึงความเจ็บปวดจากการมีบาป ดังพระดำรัสของพระเจ้าในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 3 ข้อที่ 16  ว่า 
  ".เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากขึ้นมากมาย ในเมื่อเจ้ามีครรภ์และคลอดบุตร ถึงกระนั้นเจ้ายังปรารถนาสามี และเขาจะปกครองตัวเจ้า..."  

        ขณะที่ อดัม ไม่เชื่อฟังพระเจ้า เพราะเชื่อภรรยา ดังนั้น ผู้ชายจึงได้รับโทษให้ต้องทำงานหนัก เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ดังที่พระเจ้าทรงตร้สไว้ว่า

 "...เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับเป็นดินไป เพราะเราสร้างเจ้ามาจากดิน เจ้าจะเป็นผงคลีดิน..."

  ตำนานศาสนาอิสลาม

           อัลกุรอานเรียกต้นไม้ที่อาดัมและเฮาวาอ์เอาผลมารับประทานนั้นว่า ชะญะเราะหฺ อัลคุลดฺ (ต้นไม้แห่งชีวิต)ซึ่งชัยฏอน(ซาตาน) ได้หลอกให้นางและสามีกิน โดยอ้างว่า หากกินแล้วจะมีชีวิตนิรันดรและอำนาจที่ไม่สูญสลาย ทั้งสองหลงกลจึงรับประทานเข้าไป เมื่อรับประทานแล้วก็รีบคว้าเอาใบไม้มาปกปิดร่างกาย อัลกุรอานระบุว่า อาดัมสามีของนางได้ขออภัยโทษต่อพระผู้เป็นเจ้า ที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า    แม้พระองค์จะอภัยโทษให้ แต่ก็กล่าวว่า 
   "เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากขึ้นมากมาย ในเมื่อเจ้ามีครรภ์และคลอดบุตร ถึงกระนั้นเจ้ายังปรารถนาสามีและเขาจะปกครองตัวเจ้า" 
             แล้วจึงทรงขับไล่อาดัมและเอวา ออกจากสวนเอเดนไป แล้วทั้งสอง รวมทั้งชัยฏอนก็ออกจากสวนสวรรค์ มาใช้ชีวิตบนโลก และมนุษย์กับซาตาน(ชัยฏอน)ก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนับแต่นั้น

..........................