ฉายา เงาสีขาวแห่งคาเมล็อต(White Shadow)
ตำแหน่ง ราชินีผู้พิทักษ์บัลลังค์(Queen consort of King Arthur)
สัญชาติ อังกฏษ(England)
พระบิดา เจ้าเมืองเลออนเนส(King Leodegrance)
พระมารดา -----
พระสวามี กษัตริย์อาเธอร์( King Arthur)
เกิดเมื่อ -----
สวรรคต -----
ปรากฏ ช่วงศตวรรษที่ 13
-หนังสือนิยายปรัมปราแคว้นเวลช์ (Chrétien de Troyes - Lancelot, the Knight of the Cart)
กวินนิเวียร์(Guinevere) ชื่อของเธอแปลว่าเงาสีขาว เพราะเธอคือราชินีผู้อยู่เบื้องหลังบัลลังก์ของกษัตริย์อาเธอร์ในขณะที่เรื่องราวเบื้องหน้าของคา เมลอทรอบตัวกวินนิเวียร์จะเป็นเรื่องราวการต่อสู้ที่สุดอมตะของกษัตริย์อา เธอร์กับคู่ต่อสู้ทั้งหลาย แต่เบื้องหลังนั้นเธอคือเทพีแห่งอำนาจผู้ทำให้อาเธอร์มีสิทธิ์ได้ปกครอง เมือง เมื่อกวินนิเวียร์จะจากไปอาเธอร์ถึงกับต้องไล่ตามไม่ใช่เพราะความรักแต่ เพราะถ้าปราศจากเธอแล้วอณาจักรของเขาจะพังเพราะขาดความเป็นผู้นำจะเห็นบทบาทของเทพีแห่งอำนาจได้ชัดเจนขึ้น
..................
✪ ตำนานเจ้าหญิง กวินนิเวียร์ ✪
(The Knight of the Lion)
ตามตำนานกล่าวกันว่าราชินี กวินนิเวียร์ มีหน้าที่สำคัญยิ่งในการค้ำชูบัลลังค์ของผู้เป็นกษัตริย์ คือการทำให้พลังของกษัตริย์กลมกลืนไปกับพลังของแผ่นดิน ในหลายตำนานเล่าว่าเมื่อกษัตริย์ลืมไปว่าอำนาจที่พวกเขามีอยู่มาจากใคร เหล่าราชินีก็จะหาผู้กล้าคนใหม่มาเป็นคนรักเพื่อย้ำเตือนให้กษัตริย์รู้ว่า อำนาจที่มีอยู่ได้มาจากใครบางครั้งก็เปรียบเธอเป็น กวิน แอป นูแอด แบบผู้หญิง (Gwyn Ap Nuad ราชาแห่งโลกต่างและเทพแห่งการล่าสัตว์)
ในตำนานเวลส์แบบดั้งเดิมจะเรียกราชินีทั้งสามของกษัตริย์อาเธอร์รวมกันว่ากวินนิเวียร์ จากคำกล่าวของ เจฟฟรีย์แห่งมอน กวินนิเวียร์นั้นงดงามหาใดเปรียบจนกล่าวได้ว่าเธอเป็นมณีเม็ดงามแห่งแผ่นดินอังกฏษก็ว่าได้
กวินิเวียร์เป็นบุตรสาวของเจ้าเมืองเลออนเนส หลังจากบิดิตายลงนางทำหน้าที่ปกครองดูแลเมืองเลออนเนสสืบต่อจากบิดา นางเป็นหญิงสาวที่สวยงามมีสเน่ห์ เข้มแข็ง เฉลียวฉลาด แต่ก็สุภาพอ่อนโยน และมีจิตใจเมตตากรุณา
ครั้นเจ้าชายมาลากันเริ่มขยายอำนาจด้วยการรุกรานราษฎรในเขตปกครองของเลออนเนส เนื่องจากเมืองเลออนเนสเป็นเมืองที่อ่อนแอทางการทหารที่สุด จึงถึงเวลาที่นางควรจะพิจารณาคำสู่ขอที่มีมาอย่างเป็นทางการของกษัตริย์อาเธอร์ได้แล้วนั่นก็เพื่อความมั่นคงของอาณาจักร ซึ่งภายหลังการแต่งงานเมืองเลออนเนสก็จะได้รับความคุ้มครองจากกษัตริย์อาเธอร์อย่างเป็นทางการ
กวินิเวียร์ตอบว่านางพร้อมจะแต่งงานกับกษัตริย์อาเธอร์แล้ว นางรู้สึกสงสารกษัตริย์อาเธอร์ว่าสินสอดที่นางจะนำไปถวายพระองค์คือแผ่นดินที่ตกอยู่ในอันตราย แต่นางก็จะรักพระองค์ นางกล่าวว่านางจะไม่มีวันแต่งงานกับชายใด โดยที่ไม่ได้รัก ในสายตาของนาง กษัตริย์อาเธอร์ใม่ใช่คนหลงอำนาจ นางสามารถมองเห็นคุณธรรมและเมตตาธรรมในพระเนตรของกษัตริย์อาเธอร์ได้
อย่างไรก็ตามในระหว่างการส่งตัวเจ้าสาวให้กับกษัตริย์อาเธอร์ ได้เกิดเรื่องขึ้น เมื่อเจ้าชายมาลากันได้นำกองทหารเข้ามาซุ่มโจมตี เพื่อลักพากวินิเวียร์ไปเป็นตัวประกันในการต่อรองตั้งเงื่อนไขทางการเมืองการปกครองในอังกฤษกับกษัตริย์อาเธอร์ ลานสล็อทไปพบเหตุการณ์ในระหว่างที่กวินิเวียร์กำลังหลบหนีพวกทหารของเจ้าชายมาลากันอยู่พอดี และด้วยความเฉลียวฉลาดและความสามารถในการใช้ดาบของเขา จึงสามารถช่วยกวินิเวียร์จากเงื้อมมือพวกทหารของเจ้าชายมาลากันได้
ลานสล็อทรู้สึกว่าตัวเองตกหลุมรักกวินิเวียร์และเขารู้ด้วยสัญชาติญาณว่ากวินิเวียร์เองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ กวินิเวียร์สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้ และปฏิเสธคำขอของลานสล็อท นางเดินทางต่อไปจนได้พบกษัตริย์อาเธอร์ซึ่งกำลังรอต้อนรับนางอยู่ด้วยความดีใจที่ทราบว่านางปลอดภัย กษัตริย์อาเธอร์บอกกับนางว่านางไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับเขาก็ได้ เพราะไม่ว่านางจะแต่งงานกับเขาหรือไม่ก็ตาม เขาจะต้องปกป้องคุ้มครองเมืองเลออนเนสอยู่แล้ว นางตอบว่านางอยากแต่งงานกับกษัตริย์อาเธอร์กษัตริย์อาเธอร์ตอบว่า เขาไม่อยากตายโดยที่ชีวิตยังคงไร้ความอบอุ่นอยู่บนใบหน้า และบอกกับกวินิเวียร์ว่า
“จงแต่งงานกับตำแหน่งกษัตริย์ แต่รักตัวข้า”
กวินิเวียร์ตอบพระองค์ว่า “หม่อมฉันรักพระองค์ได้วิธีเดียว
คือรักหมดทั้งกาย ทั้งใจ และวิญญาณ”ภายหลังพิธีอภิเษกสมรสนั้นเอง ก็มีข่าวร้ายเข้ามาถึงคาเมล็อทว่า เจ้าชายมาลากันได้นำกองทัพบุกเข้าเผาทำลายเมืองเลออนเนสแล้ว กษัตริย์อาเธอร์รีบนำกองทัพออกไปช่วยเหลือทันที และได้เกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างกองกำลังทั้งสองโดยกองทัพของกษัตริย์อา เธอร์สามารถขับไล่กองทัพของเจ้าชายมาลากันให้ล่าถอยไปได้ และยังโชคดีที่ตัวเมืองส่วนใหญ่ยังไม่ได้ถูกเผาทำลาย ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากที่ถูกขังไว้ในโบสถ์ก็ยังรอดชีวิตอยู
ในระหว่างการพักกองกำลังและปรับปรุงซ่อมแซมเมืองเลออนเนสอยู่นั้นอาเธอร์เดินเข้ามาพบเหตุไม่คาดฝันขึ้น นั่นคือการเข้ามาพบ ภาพกวินนิเวียและเซอร์ลานสล็อตพลอดรักกัน
แม้กษัตริย์อาเธอร์จะเศร้าสลดใจเป็นอันมากแต่การครั้งนี้ต้องกระทำการสืบสวนอย่างถูกกฏหมาย ช่วงหนึ่งของการพิจารณาคดีในใจกลางเมืองอยู่ๆ กองกำลังของเจ้าชายมาลากันก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันทุกจุด และพากันบุกเข้ายึดป้อมปราการทั้งหมดบนกำแพงรอบที่พิจารณาดคี และเล็งลูกธนูเข้ามายังสถานที่พิจารณาคดี ขณะเดียวกันเจ้าชายมาลากันก็นำกองกำลังบุกเข้ามาทางประตูใหญ่ของเมือง
เจ้าชายมาลากันสามารถนำกองกำลังบุกเข้ามาถึงตัวกษัตริย์อาเธอร์ได้ และภายใต้การล้อมของพลธนูโดยรอบนั้น เจ้าชายมาลากันได้ประกาศกับประชาชน ขอให้ทุกคนยอมแพ้และสวามิภักดิ์มิฉะนั้นเขาจะสังหารกษัตริย์อาเธอร์ และเผาเมืองคาเมล็อทเสีย จากนั้นเขาบังคับให้กษัตริย์อาเธอร์คุกเข่าให้เขาต่อหน้าประชาชน แต่กษัตริย์อาเธอร์ได้ประกาศต่อราษฎรและทหารของพระองค์ว่าทุกคนจงต่อสู้ให้ถึงที่สุดอย่ายอมแพ้ แต่การรบครั้งนี้ แม้จะได้รับชัยชนะแต่พระองค์ได้รับบาดเจ็บสาหัสและสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา
โดยก่อนตายพระองค์กล่าวว่า พระองค์ เข้าใจความจริงแล้ว พระองค์เห็นแสงอาทิตย์ในดวงตาของนางยามที่มองพระองค์ด้วยความเป็นห่วง แล้วพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ในอ้อมแขนของกวินิเวียร์
เนื่องจากลานซล๊อตเป็นที่โปรดปรานของเกอวนิเวียร์และกษัตริย์อาเธอร์มาก จนกษัตริย์อาเธอร์ไว้วางพระทัยในตัวลานซล๊อต ถึงกับแต่งตั้งให้เป็นราชองครักษ์คอยอารักษ์ขาองค์ราชินีระหว่างที่อาเธอร์ ไม่อยู่ในคาเมลอท ครับได้เรื่องเลยครับด้วยความว้าเหว่ของเกอวนิเวียร์ ทั้งเกอวนิเวียร์และลานซล๊อตจึงลงเอยในที่สุด ทันทีที่พระเจ้าอาเธอร์ทราบข่าว พระองค์ตัดสินประหารชีวิตเกอวนิเวียร์ทันที ระหว่างที่นางถูกมัดอยู่กับเสาหลักประหารกลางเมืองนั้น ลานซล๊อตก็ไม่ได้นิ่งดูดายครับ ทำตัวเป็นอัศววินม้าขาวรีบเข้าไปช่วยทันที
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ 1 ในอัศวินโต๊ะกลมต้องเสียชีวิตไป 1 หน่วย อัศวินผู้โชคร้ายคนนั้นก็คือ เซอร์กาเร็ตหลานของเซอร์กาเวนนั่นเอง และจุดนี้เองที่เป็นชนวนให้ความสัมพันธ์ของอัศวินโต๊ะกลมต้องขาดสะบั้นลง เซอร์กาเวนประกาศว่าหากไม่ได้หัวของลานซล๊อต ตนจะไม่มีวันตายตาหลับแน่นอน ซึ่งแม้ว่าลานซล๊อตจะขอโทษเช่นไรแต่เซอร์กาเวนก็ไม่ยอมท่าเดียว ทั้งลานซล๊อตและเกอวนิเวียร์จึงหนีไปเริ่มชีวิตใหม่ในปราสาทที่เงียบสงบริม ทะเลสาบ จนกระทั่งสงครามครั้งสุดท้ายของอาเธอร์มาถึง ลานซล๊อตได้ส่งสารไปกำชับอาเธอร์เอาไว้ว่า ภายในเจ็ดวันห้ามทำการรบเด็ดขาดมิเช่นนั้นมัจจุราชจะมาเยือนอัศวินโต๊ะกลม ทุกคนรวมทั้งอาเธอร์ด้วย ระหว่างนี้ลานซล๊อตจะไปหากำลังเสริมมาเพื่อช่วยเหลืออาเธอร์ (ตามตำนานลานซล๊อตรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตนเองทำไปโดยตลอดและเขาพร้อมจะทำทุกๆ อย่างให้ความสัมพันธ์ที่ดีกลับคืนมาเหมือนเดิม)
เมื่ออาเธอร์ได้รับสารของลานซล๊อต พระองค์จึงรีบส่งสารไปขอระงับศึกกับเซอร์มอเดร็ดเป็นเวลาเจ็ดวัน ใจความในสัญญาระงับศึกก็คือหากฝ่ายใดเริ่มโจมตีก่อนถือเป็นอันเริ่มสงคราม
แต่พอเข้าวันที่ 6 ทหารของพระเจ้าอาเธอร์เห็นแมงป่องเข้าจึงเงื้อดาบจะฟัน ซึ่งคมดาบได้สะท้อนกับแสงแดดเป็นเหตุให้ทหารของมอเดร็ดเข้าใจว่าสงครามเริ่ม แล้วครับ สงครามเลยเริ่มขึ้นด้วยประการฉะนี้ ผลคือทั้งมอเดร็ดและกษตริย์อาเธอร์พ่ายแพ้ทั้งคู่
หลังจากสิ้นศึกที่คามลามและการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์อาเธอร์แล้ว ในเช้าวันที่เจ็ดกองทัพของลานซล๊อตก็มาถึง แต่ ทุกอย่างสายเกินแก้ซะแล้วครับ มันยากสำหรับลานซล๊อตที่จะทำใจรับได้ เขาเสียทั้งเจ้านายที่ต้องปกป้อง เสียผองเพื่อนอัศวินโต๊ะกลมที่เคยร่วมทุกข์สุขกันมาให้กับสงครามครั้งนี้ เมื่อทราบข่าวนี้พระนางเกอวนิเวียร์ก็สำนึกตนได้ จึงหนีไปบวชเป็นแม่ชีปลีกวิเวกและสุดท้ายก็ตายอย่างสงบ ส่วนลานซล๊อตซึ่งสูญสิ้นทุกๆ อย่างเนื่องจากความผิดที่ยากจะให้อภัยของเขา เพื่อเป็นการชดใช้เขาจึงเก็บตัวไม่ออกมาสู่โลกภายนอกอีกเพื่อเป็นการไถ่โทษ ให้กับทุกๆ สิ่งที่เขาได้ทำลงไปและมีชีวิตอยู่อย่างคนตรอมใจจนวาระสุดท้ายของชีวิต...
...............................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น