25 ตุลาคม 2556

Legend Leonidas เลโอไนดาสที่1จอมทัพอหังกาแห่งสปาต้า

Myth Leonidas I King of Sparta
http://legendtheworld.blogspot.com/2013/10/leonidas-i-king-of-sparta.html
ฉายาบุตรแห่งราชสีห์(Son..of the Lion)
ตำแหน่งกษัตริย์แห่งสปาต้า(King of Sparta)
ปรากฏตำนานกรีซโบราณ (GREEK Mythology)
- Movie Dvd 300..ขุนศึกสะท้านโลก(300)
บรรพบุรุษเชื้อสายชาวดอเรียน (Dorians)
- ต้นกำเนิดมาจากวีรบุรุษทรงพลังเฮอร์คิวลิส(Heracles)
บิดา บุตรแห่งอนาซิสไดดาสที่ 2 (Anaxandridas II)
มารดา ----
คู่ครอง กอร์โก(Gorgo)
ปกครอง ช่วงประมาณ 489-480 ก่อนคริสตกาล
กำเนิด เมื่อครั้งอดีตก่อนคริสตกาล 540 ปี
สิ้นชีวิต อายุ 60 ปี - ก่อนคริสตกาล 480 ปี
- ที่สมรภูมิช่องเขา เธอร์โมไพลาย( Thermopylae)

               เลโอไนดาสที่ 1 ( Leonidas I) เป็นกษัตริย์แห่งนครรัฐสปาร์ต้า ซึ่งนำกำลังทหารนักรบสปาร์ตันจำนวนเพียง 300 นายไปต่อต้านกองทัพแห่งจักรวรรดิเปอร์เซียที่มีจำนวนมากมายมหาศาลที่ยกทัพมารุกรานนครรัฐกรีก ณ เธอร์มอพเพอะลี ด้วยความเป็นผู้นำเด็ดเดี่ยวของพระองค์นั้นได้นำพาเหล่าทหารเข้าต่อสู้อย่างรบจนตัวตาย ไม่ยอมจำนนหรือยอมถอยเลย จนในที่สุดเลโอไนดาสที่ 1และเหล่าทหารสปาร์ตันก็ได้สละพลีชีพตายในสนามรบ หลังจากต่อต้านกองทัพแห่งจักรวรรดิเปอร์เซียไปได้เพียง 3 วันเต็มๆ 
http://legendtheworld.blogspot.com/2013/10/leonidas-i-king-of-sparta.html 






            ลีโอไนดาสมีพี่น้องร่วมบิดาและมารดา ด้วยกัน 3 คนโดยเค้าเป็นบุตรชายคนที่สองจากภรรยาคนแรกของกษัตริย์ อนาซิสไดดาสที่ 2 เมื่อครั้งแรกที่กำเนิดเค้าและพี่ชายแม้กำเนิดจากภรรยาคนแรกแต่ก็ไม่ได้รับเลือกให้เป็นรัชทายาทครองบัลลังสปาต้า โดยตำแหน่งนี้เป็นของ คเลโอเมนีส(Cleomenes)พี่ชายคนโตซึ่งเกิดจากภรรยาคนที่สองของฏษัตริย์อนาซิสไดดาสซึ่งตามกฏของสปาต้าบุตรชายคนโตมีสิทธิ์ชอบธรรมในการเป็นผู้สืบทอดตระกูล 
            ช่วงปี 520 ก่อนคริสตกาลกษัตริย์อนาซิสไดดาสเสียชีวิตลง บุตรชายคนโตขึ้นครองราชแทน มันเป็นยุคสมัยที่แตกต่างจากยุคที่ผ่านมา นโยบายหลักเป็นการแซกแซงและทำลายอาณาจักรโดยรอบจากภายในไม่้เน้นการรบแบบซึ่งหน้าอย่างที่ผ่านมา ช่วงหลังการปกครอง คเลโอเมนีสถูกกล่าวหาว่าเสียสติเค้าถูกจำคุกและฆ่าตัวตายตายในคุก...
             ในเวลาต่อมาลูกสาวของคเลโอเมนีส กอร์โก(Gorgo)ได้แต่งงานกับเลโอไนดาสทำให้เค้ามีสิทธิ์ในการครองบัลลังค์สปาต้าและขึ้นเป็นกษัตริย์คนต่อไป 

http://legendtheworld.blogspot.com/2013/10/leonidas-i-king-of-sparta.html            เรื่องราวการรบของเลโอไนดาสที่ 1กับเหล่านักรบสปาร์ตัน 300 นาย ได้โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ พระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดนักรบที่กล้าหาญ และเสียสละตายอย่างมีเกียรติเพื่อแผ่นดินบ้านเกิดของพระองค์  นอกจากนั้นเรื่องราวการรบที่เธอร์มอพเพอะลีได้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ชื่อ "300 ขุนศึกพันธุ์สะท้านโลก" กำกับโดย แซค สไนเดอร์ ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนโดยแฟรงค์ มิลเลอร์ โดยบทของกษัตริย์เลโอไนดาส แสดงโดยเจอร์ราร์ด บัตเลอร์

★ ตำนานสงครามอันลือลั่้น
ณ.สมรภูมิหุบเขาเธอร์โมไพลาย★ 
(Battle of Thermopylae)

         ประมาณปีพ.ศ.63 (480ปีก่อนค.ศ.) กองทัพเปอร์เซียของกษัตริย์เซอร์ซิสที่1 ได้นำกองทัพขนาดมหาศาลจำนวน500,000คน (ทัพบก250,000 ทัพเรือ 250,000)เข้า ตีดินแดนกรีกทางเขตมาซีโดเนีย เพื่อเป็นการล้างแค้นแทนพระบิดาของตน(กษัตริย์ดาริอุส) ที่เคยพ่ายแพ้สงครามแก่พันธมิตรแห่งกรีกในสงครามเปอร์เซียครั้งแรก(พ่ายแพ้ การยุทธที่มาราธอน) และเป็นการเปิดฉากสงครามเปอร์เซียครั้งที่ 2   ด้วย ความเข้มแข็งของทัพเปอร์เซียและแผนของแม่ทัพกรีกที่จะถ่วงเวลาเพื่อรวบรวม กำลัง กรีกจึงต้องยอมเสียเมืองเล็กเมืองน้อยให้ฝ่ายเปอร์เซียยึดไล่มาเรื่อยจนทัพ เปอร์เซียมาถึงบริเวณช่องเขาแห่งหนึ่งคือ "เธอร์โมไพลาย"(Thermopylae) 
           ซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนจะถึงนครเอเธนส์ช่องเขานี้เองจะกลายเป็นสมรภูมิที่นองเลือดที่สุดแห่งหนึ่งในสงครามครั้งนั้น    ตอนนี้ทัพเปอร์เซียต้องมาเจอกับกองกำลังผสมของทหารเอเธนส์-สปาร์ตา-นครพันธมิตร จำนวน 7,000 นายซึ่งนำมาโดยกษัตริย์ "เลโอนิดาส" แห่งสปาร์ตาผู้เจนศึก แต่จำนวนทหารสปาร์ตาที่เชี่ยวชาญสงครามนั้นมีจำนวนแค่น้อยนิด เพราะว่าเวลานั้นเป็นช่วงเทศกาล"คาร์เนี่ยน"ที่ชาวสปาร์ตาเขาถือกันว่าไม่ควรออกทำศึก ทหารสปาร์ตาที่มาจึงเป็นกองกำลังเล็กๆ ของเลโอนิดาสที่คัดเลือกมานั่นเอง  (เทศกาล"คาร์เนี่ยน"จัดขึ้นในสปาร์ตายุคโบราณเพื่อบูชาเทพเจ้าอะพอลโล่ โดยเมื่อถึงเวลาชาวสปาร์ตาจะเก็บตัวและจัดงานฉลองอยู่ในบ้านเมืองตนเองเท่านั้น และห้ามทหารออกรบรึเข้าร่วมศึกสงครามใดๆ ทั้งสิ้น)  


          เทอโมไพลาย กษัตริย์เลโอนิดาสคะเนจากชัยภูมิแล้วจึงให้วางกำลังทหารส่วนหนึ่งไว้บนที่ สูงและบริเวณปากช่องเขา พอทหารเปอร์เซียเดินทัพเข้ามาทางหุบเขาที่เป็นบริเวณแคบอยู่แล้วก็ถูกกำลัง ของเลโอนิดาสซุ่มโจมตีจนต้องสูญเสียไพร่พลไปจำนวนมาก   สองวันแรกของการรบนั้นสถาณการณ์อยู่ข้างฝ่ายกรีก ตอนแรกฝ่ายเปอร์เซียส่งทหารชาวเมเดส(Medes)เข้าเป็นหน่วยแนวหน้า แต่เมื่อชาวเมเดสอันเหี้ยมหาญต้องมาเจอกับยุทธวิธีแบบ"ฟาแลงซ์"(phalanx)ของชาวกรีกเข้าก็ต้องสิ้นท่าครับตายกันเกลื่อนบริเวณแม้ต่อมาเซอร์ซิสได้ส่งทหารหน่วยอมตะ(Immortal)จำนวน 10,000นายซึงเป็นทหารหน่วยที่เยี่ยมที่สุดเข้าต่อกรแต่ก็ให้ผลไม่แตกต่างกัน การรบช่วงแรกชัยชนะจึงตกเป็นของกรีกระหว่างที่คิดหาทางจะโจมตีทัพกรีกอยู่นั้นก็เหมือนสวรรค์เข้าข้างเปอร์เซียมีชาวกรีกทรยศชื่อ"เอพิเทส"(Ephialtes)ได้มาเสนอว่าจะพาเซอร์ซิสไปชมพื้นที่ของช่องเขาแห่งนี้โดยแลกกับรางวัล  เอพิเทสพากษัตริย์เปอร์เซียไปชมช่องเขารอบๆ และเส้นทางแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่รกไปด้วยพุ่มไม้หนามแต่ว่าสามารถไปทะลุที่ หลังค่ายชาวกรีกได้
           ในวันที่สามตอนรุ่งสางแม่ทัพเปอร์เซียได้นำทหารหน่วยอมตะจำนวนหนึ่งไปตามเส้นทางลับนี้และเจอกองทหารชาว"โพเชี่ยน"1,000นาย ซึ่งเลโอนิดาสให้มาเฝ้าเส้นทางไว้ ฝ่ายเปอร์เซียได้ทำการยิงห่าฝนธนูจำนวนมากไปยังทหารโพเชี่ยนที่ส่วนใหญ่ยัง หลับอยู่ ก่อนเข้าประจัญบานจนทหารโพเชี่ยนแตกกระบวนถอยหนีไปหมด ทำให้เปอร์เซียสามารถตียึดเส้นทางนี้ได้อย่างง่ายดาย 


          เมื่อตะวันขึ้นเลโอนิดาสจึงทราบว่ากองทัพของตนตอนนี้ถูกล้อมกรอบเสียแล้ว เขาจึงทำ การเรียกประชุมแม่ทัพนายกองทั้งหมด โดยขุนศึกของเอเธนส์และนครกรีกอื่นๆ เสนอว่าควรถอยทัพกลับไปขณะที่ยังมีโอกาส หลังการประชุมกษัตริย์เลโอนิดาสจึงออกคำสั่งที่กล้าหาญเยี่ยงวีรบุรุษ  คำสั่งคือให้ทัพจากนครกรีกอื่นๆ ถอยทัพไปรวมพลกับกองทัพพันธมิตรที่ตั้งค่ายรออยู่ ส่วนตนเองพร้อมทหารสปาร์ตา "300" นายจะคอยยันถ่วงเวลาทหารเปอร์เซียไว้เพื่อให้ทัพกรีกหนีไปอย่างปลอดภัยโดยที่มีทหารจากนคร"เทปเซียน"(Thepsians)จำนวน700นายซึ่งนำโดยแม่ทัพ"เดโมฟิลัส" ตัดสินใจที่จะอยู่ช่วยสปาร์ตาอีกแรงหนึ่งด้วย   
         โดยในวันนั้นเลโอนิดาสได้จัดการแจกจ่ายเสบียงให้ทหารของตนกินกันให้เต็มที่พร้อมทั้งกล่าวปลุกใจทหารของตนว่า 
"คืนนี้เราจะฉลองมื้อค่ำกันในนรกภูมิ"
(Tonight we will dine in Hell) 
   โดยหลังจากนั้นเมื่อทหารกรีกอื่นๆ เริ่มทยอยหนีจากค่ายไปแล้วทหารสปาร์ตา300นายและทหารเทปเซียนได้เดินทัพออกมาจากค่ายและได้เข้าประจัญบานกับทัพเปอร์เซียในที่โล่ง ทหารหลายคนโดนธนูยิงตายตั้งแต่ยังไม่ตะลุมบอน ที่รอดจากคมธนูต่างต่อสู้อย่างถวายชีวิตด้วยรู้ว่าตนจะไม่มีโอกาสรอดกลับไป บ้านเกิดเมืองนอนแล้ว ทั้งหอกและดาบสั้นถูกนำมาใช้ประมือกันในระยะใกล้อย่างเหี้ยมโหด ถึงแม้ทหารสปาร์ตาแต่ละคนจะเป็นเผ่าพันธุ์นักรบและได้รับการฝึกมาอย่างดีแต่ด้วยจำนวนเพียงน้อยนิดจึงทำให้ตกเป็นรองและถูกฝ่ายเปอร์เซียฆ่าล้างบางจน เกลี้ยง


      หนึ่งในจำนวนนี้ยังรวมถึงกษัตริย์เลโอนิดาสซึ่งได้ทรงสิ้นพระชนม์ในที่รบนั้นด้วย จากนั้นทัพเปอร์เซียได้ทำการล้อมค่ายของชาวกรีกที่ตอนนี้เหลือทหารเทปเซียน และธีบานส์อยู่ไม่มากทหารกรีกที่เหลือในค่ายตอนนี้ต่างเข้าทำการรบครั้งสุดท้ายอย่างไว้ลายด้วย อาวุธทุกอย่างที่พอจะหามาได้ ส่วนทหารธีบานส์ภายใต้การคุมของแม่ทัพ"เลออนไธเดส"ได้ แสดงความขี้ขลาดออกมาโดยได้ยกมือทิ้งอาวุธยอมจำนนทันที แต่ชาวเปอร์เซียซึ่งไม่ฟังเสียงก็ได้ทำการล้อมค่ายแล้วยิงธนูเป็นห่าฝนเข้า สังหารทหารในค่ายที่เหลือจนเกือบหมด  
         เมื่อเสร็จศึกบริเวณช่องเขากษัตริย์เซอร์ซิสได้ทำการตัดหัวของเลโอนิดาสจากร่าง อันสิ้นลมของเขาและนำร่างที่เหลือไปตรึงกับแผ่นไม้ แต่ภายหลังกษัตริย์เซอร์ซิสรู้สึกว่าตนลบหลู่เกียรติของกษัตริย์เลโอนิดา ผู้ห้าวหาญจึงได้สำนึกเสียใจขึ้นมา   พระองค์จึงสั่งให้บรรจุศพของเลโอนิดาสไปฝังอย่างสมเกียรติและทำแท่นหินรูปสิงโตปักไว้เหนือหลุมในบริเวณช่องเขาเธอร์ไมโพลีนั่นเอง 
       40ปี ต่อมาพระศพของเลโอนิดาสจึงถูกส่งคืนกลับสปาร์ตาจากเหตุการณ์นี้ทำให้เปอร์เซียสูญกำลังรบหลักไปหลายหมื่นนายด้วยน้ำมือของทหารสปาร์ตาแค่ไม่กี่หยิบมือกษัตริย์เซอร์ซิสจึงเร่งเดินทัพไปจนถึงกรุงเอเธนส์และทำการเผาเมืองจนวอดวายไปหมดด้วยความแค้น แต่ทว่าชาวเมืองไหวตัวทันก่อนและได้ชิงหลบหนีไปหมดแล้วจึงเป็นการเผาเมืองเปล่าๆ  


            ส่วนทหารพันธมิตรนั้นได้ย้ายกองทัพไปซ่อนที่เมืองชายฝั่งบนเกาะแห่งหนึ่งชื่อ"ซาลามิส"เพื่อรอรับการโมตีจากเปอร์เซีย เมื่อกองเรือเปอร์เซียตามมาทันแม่ทัพกรีก"เธมิสโตคลิส"จึง สั่งให้ทัพเรือเอเธนส์ระดมยิงลูกไฟจากเรือ เพื่อทำการโจมตีแบบไม่ให้เปอร์เซียตั้งตัวและทำการหันหัวเรือเข้าชนเรือ เปอร์เซียจนเสียหายไปมากถึง 200กว่าลำ   ทัพเรือเปอร์เซียทนความสูญเสียไม่ไหวจึงต้องถอนทัพกลับ ส่วนทัพบกนั้นได้เข้าตะลุมบอนกับทัพพันธมิตรกรีก ซึ่งตอนนี้ได้ระดมพลมาได้จำนวนมาก (รวม ทั้งจากนครสปาร์ตาที่ตอนนี้หมดหน้าเทศกาลคาร์เนี่ยนแล้ว) ทัพกรีกเวลานี้มีการเตรียมตัวมาอย่างดีและก็เป็นกรีกที่ชนะได้เกือบจะทุก สมรภูมิ จนการรบไปจบลงที่สมรภูมิสุดท้ายบริเวณเมือง"พลาเทีย"
         ซึ่งหลังจากนั้นแม่ทัพกรีกได้มีการตั้งฆ่าหัวของเอพิเทสที่ทรยศชาวกรีกไว้ด้วย ต่อมาชายชื่อ"อาเธนาเดส"ได้เป็นผู้สังหารเอพิเทสผู้ทรยศ   เมื่อกองทัพเปอร์เซียต่างพากันพ่ายแพ้อย่างหมดรูปกษัตริย์เซอร์ซิสจึงต้องจำใจยก ทัพที่เหลือกลับอาณาจักรเป็นการปิดฉากสงครามเปอร์เซียลงอย่างสิ้นเชิง (เพราะหลังจากนั้นอาณาจักรเปอร์เซียเริ่มอ่อนแอลงและไม่มีกำลังพอจะก่อสงครามใหญ่ๆ ขนาดนี้ได้อีก
      จนปีพ.ศ.209 "อเล็กซานเดอร์มหาราช" ได้เป็นผู้นำกองทัพชาวกรีกไปบดขยี้ชาวเปอร์เซียถึงถิ่น จนชนชาติเปอร์เซียต้องดับสูญลงอย่างถาวร) 

.......................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น