Legend Penthesilea เพนธีซีเลียราชินีแห่งอเมซอนเนส

Author: Pirate Onepiece / ป้ายกำกับ:

Myth Penthesilea Queen Of Amazonian

ายาราชินีเพนธีซิเลีย
ตำแหน่งราชินีคนสุดท้ายของเผ่าอเมซอน (Queen Of Amazonian )
สัญชาติกรีซ(GREEK Mythology)
พระบิดา เทพแห่งสงครามเอเรส(Ares)
พระมารดา ราชินีผู้ก่อตั้งเผ่าอมซอนโอเทล่า(Otrera
พี่ น้องฮิปโไล(Hippolyta,Antiope and  Melanippe, Quintus Smyrnaeus)
เสียชีวิต ตายด้วยหอกของอคิลิส

         เพนธีซีเลีย(Penthesilea) สร้างวีรกรรมครั้งสำคัญในสงคราม มหายุทธแห่งกรุงทรอย (TROY) ระหว่างที่ศึกทรอยกำลังดำเนิน ไปอย่างเผ็ดร้อนนั้น การเผชิญหน้า ครั้งสำคัญยิ่งก็ได้บังเกิดขึ้น เมื่อ อคิลลิส ยอดขุนพล แห่งทัพกรีก ได้ห้ำหั่นตัวต่อ ตัวกับ เฮคเตอร์ ขุนศึกผู้นำทัพทรอย ผลปรากฏว่า เฮคเตอร์พ่ายแพ้ และ ถูกอคิลลิสย่ำยีศพ โดยเอาผูกท้ายรถศึกแล้วลากตระเวน ไปทั่ว เป็นเหตุให้ท้าวเปรียมกษัตริย์ ทรอยซึ่ง เป็นพระบิดาของเฮคเตอร์ เสียพระทัยเป็นอันมาก จึงทรงไปขอร้อง เพนธีซีเลีย ราชินีแห่งเผ่าอเมซอนให้ช่วยเหลือ
......................... 

http://legendtheworld.blogspot.com/2013/12/semiramis-legendary-queen-of-babylon_24.html 



       เพนธีซีเลียนั้นยินดีที่จะเป็นพันธมิตรกับกรุงทรอยอยู่แล้ว เพราะเธอไม่ชอบหน้าอคิลลิสผู้โอหัง เธอจึงนำทัพนักรบหญิงอเมซอน 12 คนออกโจมตีทัพกรีก รุกไล่จนทหารกรีกถอยร่นไปติดฝั่งทะเล ที่เรือศึกจอดพักอยู่ อคิลลิสจึงต้องออกมาเผชิญหน้ากับราชินีแห่งอเมซอน แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ มือคนละชั้น ห่างไกลกันเหลือเกิน เพนธีซีเลียจึงถูก อคิลลิสพุ่งหอกเสียบทรวงอกเสียชีวิต กลางสนามรบ เมื่ออคิลลิสดึงหมวกศึกเฮลเม็ตของเธอออก เขาก็ต้องตกตะลึงกับความงาม ของเธอ จนนำเอาร่างไร้ชีวิตของเพนธีซีเลียกลับมาค่ายเพื่อชื่นชม เมื่อขุนศึกอื่นของกรีกเห็น ดังนั้นก็เย้ยหยัน เลยเกิดการเขม่นเข่นฆ่ากันขึ้น และเป็นสาเหตุหนึ่งแห่งความร้าวฉาน ในระหว่างกองทัพกรีก   แม้ว่าจะสิ้นชีพแล้ว แต่พิษภัยของสาวอเมซอนก็ยังคงมีอยู่ แต่ว่ากันว่า เผ่าพันธุ์ของพวกสาวอเมซอน นี้ได้ สูญสลายไปเนื่องจากฝีมือทหาร กรีกใน สงครามกรุงทรอย นั่นเอง


 ✪✪ ตำนานเผ่าอเมซอน ✪
          เมื่อหลายพันปีก่อนโน้น มีตำนานมากมายที่กล่าวถึง เผ่านักรบหญิง "อเมซอน (AMAZON)" ซึ่งมีรกรากถิ่นฐานอยู่ในหุบเขาเธอร์โมดอน ในเอเชียไมเนอร์ เมืองหลวงของ พวกเธอมีชื่อว่า ธีมิสไซรา ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลดำของตุรกี  ในอาณาจักรอเมซอนนี้ไม่มีบุรุษเพศ  การจะ สืบทอดเผ่าพันธุ์ จะทำกันปีละครั้ง โดยพวกเธอจะยกขบวนไปเยี่ยมเยียนบุรุษเพศ เผ่าการ์กาเรียนในบริเวณคอเคซัส (ระหว่างทะเลสาบแคสเปียนกับทะเลดำ) 
         หลังจากที่ร่วมเสพสมกันเรียบร้อยแล้ว เธอก็จะกลับมาอุ้มท้องที่บ้านเกิด เมื่อทารกถือกำเนิดขึ้น ถ้าหากเป็นเพศชาย พวกเธอก็จะส่งกลับไปให้พ่อ (ของมัน) เลี้ยง หรือไม่ก็ฆ่าทิ้งไปเลย หากว่าเป็นสตรีเพศ ก็จะเลี้ยงดูอุ้มชูต่อไป แต่บางตำนานกล่าวว่า อันที่จริงในอาณาจักรอเมซอน นี้ก็มี ผู้ชายอยู่เหมือนกัน โดยมีฐานะเป็นเพียงทาส มีหน้าที่เป็น "พ่อพันธุ์" และทำงานบ้านอื่นๆ เฉกเช่นเดียวกับผู้หญิงทั่วไปใน ดินแดนต่างๆ

       เมื่อเติบโตขึ้นเด็กหญิงอเมซอนก็จะได้รับการฝึกปรือให้เชี่ยวชาญในการใช้อาวุธไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้บนพื้นดิน หรือว่าบนหลังม้า อาวุธของ พวกเธอได้แก่หอกและโล่ ธนู ขวานศึกทั้งนี้เพื่อการปกปักรักษาเผ่ารวมทั้งเพื่อรุกรานเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้วย ที่สำคัญก็คือพวกเธอจะตัดเต้านม ข้างขวาทิ้ง เพื่อให้มีความคล่องตัว ในการขว้างหอกและยิงธนู!..ชีวิตส่วนใหญ่ของสาวอเมซอนจะใช้ไปในการล่าสัตว์และฝึกฝนอาวุธโดยมีราชินีเป็นหัวหน้าปกครองเทพเจ้าที่พวกเธอนับถือบูชาคือ แอเรส(ARES เทพแห่งสงครามกับอาร์เทมิส (ARTEMIS) เทพีแห่งการล่าสัตว์
          ตำนานดังกล่าวมีหลักฐานอ้างอิง จากบันทึกไบบลิโอธีคา ของ ไดโอโดรุส ไซคุลุส ตอนหนึ่งระบุว่า  

 "...ครั้งหนึ่งในอดีตทางแถบตะวันตก ของประเทศลิเบีย มีชนเผ่าอเมซอน ซึ่งปกครองโดยผู้หญิง พวกเขาดำรง ชีวิตแตกต่างจาก พวกเราโดยสิ้นเชิง ผู้หญิงมีหน้าที่ต่อสู้ในศึกสงคราม ส่วยผู้ชาย เลี้ยงลูกและทำอาหาร..."  

           หรือจากบันทึกของ เซอร์ วอลเตอร์ ราเลห์ นักบุกเบิก โด่งดังในยุคควีน อลิซาเบธที่ 1 สมัยศตวรรษที่ 16 เขาได้ เขียนถึงตำนานสตรีอเมซอน ไว้ในระหว่าง การสำรวจดินแดน อเมริกาใต้ 
       ตามที่ได้ฟัง จากคนพื้นเมืองว่า "...ในแต่ละปี พวกเธอจะจัดชุมนุมขึ้นในบริเวณอันไม่ไกลจากกีอานา บรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆ จากดินแดนแถบนั้นจะมาร่วมสังสรรค์และเสพสมกับเหล่าสตรี หัวหน้าเผ่าหรือราชินีของ อเมซอน การเลี้ยงครั้งนี้จะดำเนินอยู่ราวหนึ่งเดือน ซึ่งพรั่งพร้อมไปด้วยสุราอาหารและ การเต้นระบำรื่นเริง หลังจากนั้นพวกเธอก็จะกลับมาอุ้มครรภ์ที่บ้าน 
        การสืบทอดเผ่าพันธุ์อีกแบบหนึ่ง ก็คือพวกเธอจะจับเชลยจากการศึก แล้วนำมาสมสู่ด้วย เมื่อตั้งครรภ์สมความตั้งใจแล้ว ก็จะสังหารเชลยนั้นเสีย เป็นที่รู้กันดีว่า พวกเธอนั้นโหดเหี้ยม กระหายเลือด เป็นที่หวาดหวั่นของเผ่าอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงยิ่งนัก..."
.........................

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น