LEGEND ลิโป้ เทพสงคราม ทวนทะลวงฟ้า

Author: Pirate Onepiece / ป้ายกำกับ:

Myth Lu Bu Lord of war

ฉายาขุนพลทะยานฟ้า(Flying General)
-พญาหงส์แดง(Fengxian Immortal Phoenix)
ตำแหน่งซวอเจียงจวิน-ขุนพลซ้าย
 - ตูถิงโหว-ผู้บัญชาการทหารม้า
ปรากฏ พงศาวดารจีนสามก็ก (Romance of the Three Kingdoms)
สัญชาติ จีน(Chinees)
พ่อบุญธรรมเต๊งหงวน(Ding Yuan)
- ตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo)
ภรรยาเหงียมซี,เตียวเสี้ยน ,ภรรยาแซ่โจที่ไม่ปรากฏนาม
บุตร บุญธรรมลิหลิงฉี
กำเนิด 3 มกราคม ค.ศ. 169
- ที่ตำบลจิ่วหยวน เมืองอู่หยวน(๋Jiuyuan)
เสียชีวิต อายุ 30 ปี - 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ.199
อาวุธ ง้าวสวรรค์หรือทวนทะลวงฟ้า(Heavenly Halberd - Sky Piercer)

             ลิโป้ (Lu Bu) ยอดนักรบผู้ที่ได้ชื่อว่า แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสามก๊กหรือเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามและเป็นคนที่หล่อมาก มีสำนวนในสามก๊กกล่าวไว้ว่า “ หยืนจงหลี่ปู้ หม่าจงชื่อทู่ ” ความหมายของประโยคนี้คือ ยอดคนต้องลิโป้ ยอดม้าต้องเซ็กเธาว์ ความแข็งแกร่งที่กลายเป็นตำนาน ในฐานะของนักรบที่เก่งที่สุดในแผ่นดินยุคสามก๊ก แต่ น่าเสียดายที่ในยุคสามก๊กนั้น ความแข็งแกร่งในเชิงยุทธ์เพียงอย่างเดียว ไม่พอที่จะทำเป็นใหญ่ในแผ่นดินได้จำต้องมีคุณธรรมซื้อใจประชาไว้ได้ แต่ลิโป้กลับไม่มีสิ่งเหล่านี้ เป็นคนหยาบช้า ขาดคุณธรรม และไร้สติปัญญา เป็นคนที่เลี้ยงไว้ไม่ได้ เป็นบุคคลที่เตียวหุยด่าว่าเป็น "ไอ้ลูกสามพ่อ" จนกลายเป็นสำนวนที่ใช้มาจนทุกวันนี้
http://legendtheworld.blogspot.com/2013/09/lu-bu-loed-of-war.html..................





            ลิโป้ มีชื่อเรียกทางการว่าเฟิ่งเซียน  มีความกล้าหาญเป็นที่เลื่องลือ จึงได้รับการทาบทามให้รับราชการในมณฑลปิ้งโจว ครั้งเต๊งหงวน ข้าหลวงประจำมณฑลได้รับการโปรดเกล้าฯเลื่อนขึ้นเป็นที่จอมพลทหารม้า ยั้งประจำการณ์อยู่ ณ แดนเหอเน่ย จึงได้เกลี้ยกล่อมชักชวนลิโป้ เข้าสังกัดอยู่ใต้ร่มธงและให้ความไว้วางใจในตัวลิโป้เป็นอย่างสูง  ครั้น พระเจ้าเลนเต้ ถึงกาลสวรรคต เต๊งหงวนนำพลเข้าสู่นครหลวงลั่วหยางเพื่อถวายความภักดี 
           ในเวลาเดียวกัน ตั๋งโต๊ะ เคลื่อนทัพเข้านครหลวง วางแผนกุมอำนาจราชสำนักไว้แต่เพียงผู้เดียว ด้วยตั๋งโต๊ะทราบว่าลิโป้คือบุคคลใกล้ชิดเป็นที่ไว้ใจของติงหยวน จึงซื้อตัวลิโป้ด้วยการให้เกราะทองกับม้าเซ็กเธาว์โดยแลกกับการสังหารนายตัวเองซึ่งลิโป้ก็รับไว้ด้วยความโลภ กระทำการเป็นผลสำเร็จแล้วจึงนำศีรษะเต๊งหงวนไปมอบแก่ตั๋งโต๊ะ แล้วจึงแต่งตั้งลิโป้เป็นผู้บัญชาการกองทหารม้า  แล้วจึงกระทำสัตย์สาบานเป็นบิดาและบุตรบุญธรรมต่อกัน 

            ลิโป้ เชี่ยวชาญในการขี่ม้ายิงธนู มีกำลังแขนไร้ผู้ต่อต้าน เขาได้รับการขนานฉายาว่า “ขุนพลทะยานฟ้า” ต่อมาไม่นานเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพประจำส่วนกลางพร้อมบรรดาศักดิ์พระราชทานเป็น “ตูถิงโหว” มีหน้าที่เป็นองครักษ์ประจำตัวติดตามไปทุกแห่งหน แต่กระนั้นตั๋งโต๊ะมีอุปนิสัยดื้อรั้นเจ้าอารมณ์เกิดโทสะโดยง่ายอยู่บ่อยครั้ง เมื่อบันดาลโทสะขึ้นมาคราใดก็มักระบายกับคนรอบข้างโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ใดๆทั้งสิ้น
          ครั้งหนึ่งตั๋งโต๊ะเกิดบันดาลโทสะใส่ลิโป้ คว้าหอกขึ้นมาได้ก็ขว้างเข้าใส่ลิโป้โดยทันที ลิโป้มีความเข้มแข็งว่องไวจึงหลบคมหอกนั้นได้แล้วกลับเป็นฝ่ายขอขมาโทษต่อตั๋งโต๊ะเสียเอง ตั๋งโต๊ะจึงคลายเพลิงโทสะลงได้ แต่ลิโป้ก็ได้เก็บความเคียดแค้นชิงชังที่มีต่อตั๋งโต๊ะไว้ภายในและลักลอบมีสัมพันธ์กับสนมของตั้งโต๊ะอย่างลับๆเพื่อเป็นการหยามเกียรติตั้งโต๊ะไปในตัวแต่ในใจก็ยังคงละแวงเกรงว่าความจะแตกเข้าสักวัน  ประจวบกับช่วงเวลานั้นมีข่าวลือเกี่ยวกับความโฉดชั่วของตั๋งโต๊ะกระจายไปทั่ววังหลวง  ลิโป้จึงใช้การนี้ทำการสังหารตั๋งโต๊ะเพื่อผดุงความยุติธรรมให้แก่ราชสำนัก 
            หลังจากนั้นลิโป้ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็น “เฟินอู่เจียงจวิน” พร้อมตราอาญาสิทธิ์  ไม่นานกองทัพ เหลียงโจวของลิฉุยได้เข้าบุกตีนครหลวงฉางอัน ลิโป้ไม่อาจต้านทานกองทัพเหลียงโจวได้จึงประสบความปราชัย หนีไปขอความช่วยเหลือ กับ อ้วนสุด
           แต่ อ้วนสุด รังเกียจที่ลิโป้หักหลังนายของตนถึงสองครั้งจึงไม่รับลิโป้ไว้ เมื่อถูกอ้วนสุดปฏิเสธ ลิโป้จึงเดินทางขึ้นแดนเหนือและได้รับการต้อนรับจาก อ้วนเสี้ยว ขณะที่อยู่ใต้สังกัด อ้วนเสี้ยว นั้นเอง ลิโป้ได้รับบัญชาให้ยกทัพบุกตีจางเหยียนแห่งฉางซาน จางเหยียนมีไพร่พลหลายหมื่นคนและกองทหารม้าหลายพันนาย ลิโป้ครอบครองม้าพันธุ์วิเศษเรียกว่า เซ็กเทาว์  ทำการร่วมกับเฉิงเหลียนและเว่ยเยวี่ยบุกเข้าโจมตีกองกำลัง จางเหยียน อยู่หลายคราจนประสบชัยชนะในที่สุด


           แต่ อ้วนเสี้ยว กลับบังเกิดความดูแคลนต่อวิธีการลบของลิโป้ที่ทำการปล้นชิงทรัพย์ไว้เป็นของตน ซึ่งลิโป้เองก็รู้ดีถึงความไม่พอใจในครั้งนี้จึงทำการขอลา แต่อ้วนเสี้ยวรู้ถึงความร้ายกาจของลิโป้ดีและเกรงว่าสักวันจะย้อนกลับมาทำร้ายตนจึง ส่งมือสังหารไปลอบฆ่าลิโป้ในตอนกลางคืนแต่ก็ไม่สำเร็จ ลิโป้สามารถหลบหนีไปได้ และไปขออาศัยอยู่กับ เตียวเมา จนกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันร่วมแบ่งปันอำนาจที่ช่วงชิงมาได้และร่วมกันปกครองมณฑลปิ้งโจว
          โจโฉมีบัญชาให้เฉินกงตั้งมั่นอยู่ที่เมืองตงจวิ้น แต่เฉินกงฉวยโอกาสนี้แปรพักตร์ไปเข้ากับลิโป้ ส่งผลให้หัวเมืองส่วนใหญ่ของ โจโฉแปรพักตร์ไปแทบหมดสิ้น เว้นแต่เมืองเจวียนเฉิง ตงอาและฝานเฉิงที่ยังคงตรึงสภาพขึ้นตรงแก่ โจโฉต่อไป โจโฉเร่งนำทัพกลับในทันทีและได้ปะทะกับกองทัพ ลิโป้ที่เมืองผู่หยาง การศึกครั้งนั้นยืดเยื้อเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยวันและจบลงโดยที่ โจโฉไม่อาจเอาชนะได้
         ในปีนั้นเกิดพิบัติภัยแร้งฝูงตั๊กแตนลงโจมตีพืชผล ราษฎรไร้ทางเลือกนอกจากกัดกินเลือดเนื้อมนุษย์ด้วยกันแล้วก็ต้องอดตาย ลิโป้จำต้องย้ายไปตั้งมั่นที่เมืองซานหยาง  หลังจากนั้นภายในระยะเวลาสองปี โจโฉสามารถตีเมืองต่างๆกลับคืนมาได้จนหมดสิ้นและปราบพิชิต ลิโป้ ลงได้ ณ ตำบลจวี่เยี่ย ลิโป้จึงมุ่งสู่ตะวันออกขอพำนักอยู่ด้วยเล่าปี่ เตียวเมาก็ได้ติดตามลืโป้เดินทางไปด้วยโจโฉใช้เวลาหลายเดือนจนตีหักตำบลนั้นเป็นผลสำเร็จ ประหารตระกูลเตียวจนหมดสิ้น เตียวเมาเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากหยวนซู่แต่ถูกปฏิเสธบอกปัด  ก่อนที่จะถูกทหารของหยวนซู่สังหารในเวลาต่อมา
           หลังจากนั้นไม่นาน ในระหว่างช่วงเวลาที่เล่าปี่ยาตราทัพออกไปทำสงคราม ลิโป้ฉวยโอกาศยกทัพตลบเข้าหักตีชิงเมืองเ แห้ฝือเล่าปี่จำต้องยกทัพกลับจนกลายสถานะไปเป็นบริวารของลิโป้เสียเอง นำมาซึ่งความขัดแย้งที่ไม่อาจญาติดีกันได้ในชั่วชีวิตนี้


           หลังผ่านช่วงการรบมาได้ระยะหนึ่ง ตันกุ๋ย เสนาบดีแห่งเมืองเพ่ยบังเกิดจิตกริ่งเกรงว่าหากลิโป้ กับหยวนซู่เกี่ยวดองเป็นญาติกันเมื่อใด แดนสวีโจวกับหยางโจวต้องผนึกรวมเป็นพันธมิตรอันเข้มแข็งเมื่อนั้น ภัยพิบัติต้องเกิดขึ้นแก่แผ่นดินเป็นแน่แท้ ดังนั้นเขาจึงเข้าพบลิโป้แล้วกล่าวว่า “สมุหนายกโจโฉ ได้รับพระบัญชาให้บริหารราชการแผ่นดินทั้งปวง ไม่ช้าเขาคงกำราบหัวเมืองทั้งปวงไปทั่วสี่ทิศทะเลเป็นแน่แท้" บัดนี้หากท่านหวังผูกมิตรกับหยวนซู่  เมื่อนั้นเภทภัยร้ายแรงจักมาถึงท่านโดยเร็วเป็นมั่นคง ลิโป้เห็นดีด้วยจึงออกคำสั่งเรียกตัวบุตรีซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางกลับทันที ประกาศยกเลิกการแต่งงานรายนี้เสีย อีกทั้งยังให้ทหารคุมตัวหานอิ้นกลับมาด้วย แล้วประหารชีวิตเสียที่กลางตลาด
            จากนั้น ตันกุ๋ย จึงออกอุบายให้เฉินเติง(ตันเต๋ง)บุตรชายของเขาเดินทางเข้าพบโจโฉเพื่อรายงานว่าลิโป้ยกเลิกการส่งตัวบุตรีให้แก่หยวนซู่แล้ว ขณะนั้นได้มีทูตจากราชสำนักเดินทางมาอวยยศแต่งตั้งลิโป้ให้เป็นที่ “ซวอเจียงจวิน” (ขุนพลซ้าย) ทันที ลิโป้ปลาบปลื้มปีติเป็นอันมากจึงให้เฉินเติงเดินทางเข้านครหลวงเพื่อถวายหนังสือแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  ดังนั้นเฉินเติงจึงเข้าพบเฉาเชาแล้วรายงานว่า แม้ลิโป้จะมีความห้าวหาญเป็นเลิศแต่ก็มีสติปัญญาอันจำกัด สามารถชักชวนให้คล้อยตามได้โดยง่ายดาย ทางที่ประเสริฐควรกำจัดลิโป้โดยเร็วที่สุด โจโฉจึงกล่าวตอบไปว่า “ลิโป้เปรียบเสมือนลูกสุนัขป่า ดูไปแม้ไม่น่ามีพิษภัยใดแต่โดยส่วนลึกกลับแฝงไว้ด้วยความทะเยอทะยานอันแรงกล้า โดยสัตย์จริงเราก็ไม่คิดปล่อยให้มันอยู่รอดนานไป ท่านสมควรทำหน้าที่เป็นผู้สืบหยั่งข้อมูลภายในให้กับเรา”
          ต่อมาไม่นาน อ้วนสุด หมดความอดทนต่อพฤติการณ์ของลิโป้จึงบัญชาแม่ทัพจางสวินร่วมกับ หานเซียน(หันเซียม) หยางเฟิง(เอียวฮอง)นำทัพเข้าตีลิโป้  เฉินกุย เห็นการว่ามีแม่ทัพหลายคนเข้าร่วมในศึกนี้จึงวางแผนให้หวาดระแวงกันเอง เมื่อนั้นพวกมันต่างต้องแยกตัวสลายไปในที่สุด  ลิโป้เห็นชอบด้วยกับแผนการของเฉินกุย จึงส่งคนไปหว่านล้อมหานเซียนและหยางเฟิงให้ร่วมกันบุกตีทัพหยวนซู่ หากทั้งสองยอมกระทำตาม เมื่อสำเร็จการณ์แล้วทั้งสองจะได้เสบียงทั้งหมดของทัพหยวนซู่เป็นรางวัล หานเซียนกับหยางเฟิงตกลง ผลของการนี้ จางสวินจึงประสบความปราชัยย่อยยับ 


            เจี้ยนอันศกปีที่สาม ลิโป้ ส่งโกซุ่น ยกไปตีหลิวเป้ยที่เมืองเสียวพ่าย หักเมืองเป็นผลสำเร็จ โจโฉส่ง แฮหัวตุ้น ยกไปช่วยหลิวเป้ยแต่ก็ประสบความปราชัยต่อโกซุ่น เช่นกัน ดังนั้นโจโฉ จึงตัดสินใจยกทัพใหญ่ไปปราบลิโป้ด้วยตนเอง เมื่อโจโฉ ยกมาถึงหน้าเมืองของลิโป้ ก็ส่งสาสน์เข้าไปถึง ลิโป้ บรรยายถึงผลประโยชน์มากมายซึ่งหลวี่ปู้อาจได้รับหากยอมจำนน ลิโป้มีความคิดที่จะยอมจำนนขึ้นมาแต่เฉินกงสำนึกได้ถึงความผิดเก่าก่อนที่เขาเคยมีแก่โจโฉจึงห้ามลิโป้ไว้ ลิโป้จึงส่งคนฝ่าออกไปหา อ้วนสุด เพื่อขอให้ อ้วนสุด ส่งกองทัพมาช่วย แต่ก็ไม่มา
          ขณะเดียวกัน ลิโป้นำทัพม้ากว่าหนึ่งพันนายออกจากเมืองมาสู้รบ แต่ประสบความพ่ายแพ้ จำต้องถอยกลับเข้าเมืองเป่าเฉิง ตั้งแต่นั้นมาเขาไม่กล้านำทัพออกมาสู้รบอีกเลย   แม้ว่าหลวี่ปู้เป็นนักรบอันฉกาจแต่เขาก็หาคิดแผนการอันใดได้ไม่ และเริ่มเกิดอาการหวาดระแวงต่อกิจการในกองทัพ แม้เขาจะยังคงไว้ใจบรรดาแม่ทัพของเขา กระนั้นแม่ทัพนายกองทั้งหลายก็เกิดความเห็นอันขัดแย้งกันขึ้น ก่อให้เกิดความคลางแคลงกันไปนานัปการ ผลจึงปรากฎว่าพวกเขาต่างประสบความปราชัยในสงครามที่ออกรบเป็นส่วนใหญ่
          ในขณะที่ลิโป้ถูกโอบล้อมอย่างแน่นหนาเมื่อหมดหนทางสู้ไม่นานจึงต้องยอมจำนนต่อโจโฉ ระหว่างถูกจับกุมลิโป้กล่าวว่า "หากท่านเป็นผู้บงการไพร่พลทหารราบและให้ข้าพเจ้านำทัพอาชา เท่านี้ทั้งแผ่นดินจะไปไหนเสีย”  เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าโจโฉฉายแววลังเลใจขึ้น แต่เล่าปี่ขัดขึ้นก่อนว่า “ท่านคงไม่ลืมวาระสุดท้ายของเต๊งหงวนกับตั๋งโต๊ะกระมัง?” โจโฉเห็นชอบตามที่เล่าปี่ได้กล่าวมามากกว่า  จากนั้นลิโป้ก็ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ศีรษะของลิโป้ และแม่ทัพอื่นๆที่โดนประหารถูกส่งไปที่นครหลวงสวี่ชาง(ฮูโต๋)และถูกฝังอยู่ที่นั่น
..........................

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น