Myth Joan of Arc Warior of God
ฉายา นักบุญโจนออฟอาร์ก
สถานะอดีตแม่ทัพกองทัพฝรั่งเศส
สถานะปัจจุบันนักบุญโจแอนนา(Canonized-16พฏษภาคม 1920)
สัญชาติฝรั่งเศส(French)
บิดา ฌาคส์ ดาร์ก(Jacques d'Arc)
มารดาอิสซาเบลลา.โรเม(Isabelle Romée)
ช่วงปีที่ทำการรบ สงครามร้อยปีระหว่างฝรั่งเศสจากอังกฤษ
เกิดเมื่อ6มกราคมค.ศ. 1412
-หมู่บ้านดงเรมี-ประเทศฝรั่งเศส(Domrémy)
เสียชีวิต อายุ19ปี 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1431
-นอมังดีเขตปกครองอังกฤษ(Rouen ,Normandy)
ฌาน ดาร์กหรือโจนออฟอาร์ก ( Joan of Arc) สาวฝรั่งเศสวัย 12 ปีผู้ถือกำเนิดที่หมู่บ้าน Domrémy ในแคว้นลอร์แรน (Lorraine) เที่ยวบอกชาวบ้านว่านักบุญ Michael, Catherine และ Margaret ได้มาปรากฏกายให้เธอเห็นบ่อย และกล่าวบอกกับเธอว่าฝรั่งเศสจะต้องขับไล่กองทัพอังกฤษที่ยึดครองฝรั่งเศส ออกไปให้หมด และให้เธอเป็นแม่ทัพในการกอบกู้อิสรภาพครั้งนี้
..................................
นอกจากนี้ก็ให้เธอเดินทางไปเข้าเฝ้าเจ้าชายรัชทายาทที่เมืองชินง (Chinon) ด้วย เพื่อทูลเจ้าชายว่าพระองค์คือรัชทายาทที่ถูกต้องตามกฎมณเฑียรบาล ทั้งนี้เพราะเวลานั้นประชาชนฝรั่งเศสต่างรู้สึกคลางแคลงใจว่าพระองค์เป็นพระ ราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 จริงหรือไม่ เนื่องจากพระมารดาของพระองค์คือพระนาง Isabelle ทรงมีชู้รักหลายคน และพระนางยืนยันว่าเจ้าชายมิได้มีสายเลือดของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 และประชาชนส่วนใหญ่เชื่อพระนาง
ณ เวลานั้นแทบไม่มีใครเชื่อเด็กสาวไร้การศึกษา ผู้อวดอ้างจะนำทัพฝรั่งเศสกู้ ชาติ แม้แต่บิดาของเธอยังคิดอยากจะกดหัวเธอให้จมน้ำตายดีกว่าจะปล่อยให้เธอไปสู้ รบกับทหารอังกฤษ เพราะในเวลานั้นกองทัพฝรั่งเศสอ่อนแอมาก ดังจะเห็นได้จากทุกครั้งที่ออกศึกเป็นต้องพ่ายแพ้กองทัพอังกฤษอย่างยับเยิน จนทหารฝรั่งเศสต่างรู้สึกสิ้นหวัง ท้อแท้ เสียขวัญ และคิดไปว่า ตลอดชีวิตนี้คงไม่มีมนุษย์คนใดสามารถนำทัพกู้ชาติได้สำเร็จนอกจากเทวดา
จนกระทั่งเมื่อนายพล Robert de Baudricourt ได้ยินคำพูดที่มั่นใจและเร้าใจของ Joan of Arc เขาจึงอยากลองมีแม่ทัพเป็นผู้หญิงดูบ้าง จึงได้มอบเสื้อเกราะให้เธอสวม และให้ทหาร 6 คนติดตามเธอไปทูลเจ้าชายที่เมืองชินงว่าเธอคือผู้ที่จะปลดแอกเมืองออร์เลอ องส์ (Orléans) ซึ่งอยู่ห่างจากชินงประมาณ 150 กิโลเมตร ให้รอดพ้นจากการถูกทหารอังกฤษยึดครอง
ในเดือนมกราคม ค.ศ.1429 Joan of Arc เดินทางถึงชินงเพื่อเข้าเฝ้าเจ้าชายรัชทายาท เมื่อพระองค์ทรงเชื่อคำของเธอจึงโปรดให้เธอนำทหาร 4,000 คนเดินทางไปออร์เลอองส์ Joan of Arc ผู้สวมเกราะขาวและมีอักษรที่หน้าอกเขียนว่า “Jesus Maria” ได้นำทัพเข้าโจมตีทางด้านเหนือของเมืองซึ่งไม่มีป้อมปราการ บรรดาทหารอังกฤษซึ่งไม่เคยเห็นแม่ทัพเป็นผู้หญิงมาก่อนต่างพากันกลัว เพราะคิดว่าเธอคือปีศาจ
ในที่สุดเมืองออร์เลอองส์ก็แตกเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1429 ชัยชนะครั้งนั้นทำให้ทหารฝรั่งเศสที่อ่อนแอมาตลอดรู้สึกดีและมีกำลังใจมาก ขึ้นจนพากันเชื่อว่า Joan of Arc คือผู้ที่จะนำเอกราชมาสู่ประเทศชาติดังที่เธอพยากรณ์ หลังจากที่กองทัพอังกฤษพ่ายแพ้แล้ว Joan of Arc ได้นำทหารใต้บังคับบัญชาเดินทางสู่เมืองลียง (Lyon) ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นโดยเจ้าชายรัชทายาท

จนในที่สุดเธอถูกแม่ทัพ John of Luxembourg จับตัวเป็นเชลยเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ.1430 และถูกนำไปขังที่เมืองกงเปียญ (Compiègne) ใกล้กรุงปารีส แล้วถูกส่งตัวไปขังต่อในคุกเมืองรูออง (Rouen) ที่อังกฤษกำลังยึดครองอยู่
ขณะถูกคุมขัง Joan of Arc ถูกสอบสวนทั้งอย่างเปิดเผยในศาลและอย่างปิดบังในคุกหลายครั้ง ถูกทรมานและถูกถากถางด้วยวาจาตลอดเวลา เช่น ทนายอังกฤษกล่าวหาว่าเธอคงรู้สึกอับอายที่เป็นสตรีจึงต้องสวมเสื้อบุรุษแทน และคำพยากรณ์ทั้งหลายของเธอล้วนเป็นเรื่องหลอกลวง และที่เธออ้างว่าเห็นนักบุญนั้น แท้จริงแล้วเธอเห็นซาตาน ครั้นเมื่อทนายอังกฤษถามเธอว่านักบุญ Margaret พูดกับเธอเป็นภาษาอะไร เธอตอบว่าเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วยสำเนียงที่ดีกว่าคนที่ถามมาก และการที่เธอสวมเสื้อบุรุษนั้น เพราะเธอกลัวทหารอังกฤษจะลวนลาม เธอมิใช่แม่มด และเป็นสาวพรหมจรย์ที่ได้เห็นนักบุญกับตา
ศาลทหารอังกฤษในขณะนั้นไม่ประสงค์จะพิพากษาลงโทษเธอ แต่ต้องการให้ศาลฝรั่งเศสพิพากษาโทษเธอแทน ด้วยข้อกล่าวหาว่าเธอลบหลู่ศาสนาคริสต์ เพื่อให้เธอยอมรับว่าผิดและไม่สมควรที่จะจูงใจใครอีกต่อไป Joan of Arc จึงถูกพิพากษาโดยบิชอปแห่งโบเวส์ (Beauvais) ให้ถูกจำคุกตลอดชีวิต คำตัดสินนี้ทำให้ Earl of Warwick แม่ทัพอังกฤษรู้สึกไม่พอใจ เพราะคิดว่าเป็นการลงโทษที่น้อยไป
แต่เมื่อศาลเห็นว่า เธอเข้าฟังคำตัดสินโดยการสวมเสื้อบุรุษทั้งๆ ที่เธอเคยสาบานว่าจะไม่แต่งตัวผิดเพศอีก ศาลจึงกลับตัดสิน และตั้งข้อหาว่าเธอมิได้รู้สึกสำนึกในบาปที่ได้กระทำเลย จึงสมควรรับโทษประหารชีวิตโดยการเผาทั้งเป็น ในฐานะที่เป็นแม่มดแห่งเมืองรูออง พิธีประหารชีวิตของเธอถูกจัดขึ้นที่จัตุรัส Old Market แห่งเมืองรูออง เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ.1431
ในวันประหารชีวิต หลังจากที่นักบวชสวดมนตร์ครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น Joan of Arc ได้ขออนุญาตถือไม้กางเขนในช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต เพชฌฆาตจึงยื่นกิ่งไม้ 2 กิ่งให้เธอมัดด้วยเชือกไขว้กันต่างไม้กางเขน ขณะที่นักบวชนำไม้กางเขนขนาดใหญ่จากโบสถ์มาวางตรงหน้าให้เธอเห็นขณะเปลวไฟ กำลังลุกท่วมตัว Joan of Arc จูบไม้กางเขนที่ถือในมือ แล้วตะโกนคำสุดท้ายออกมาว่า “Jesus” เถ้ากระดูกของ Joan of Arc ถูกนำไปโปรยในแม่น้ำแซน (Seine) ในเมืองรูออง ทั้งนี้ก็เพื่อมิให้ใครเก็บเถ้ากระดูกไปบูชา จะอย่างไรก็ตาม การสังหารประหารชีวิต Joan of Arc ในครั้งนั้นได้ผนึกใจชาวฝรั่งเศสเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสู้กับกองทัพอังกฤษจน เมืองบอร์โดซ์ (Bordeaux) และปารีสได้รับอิสรภาพ และฝรั่งเศสได้เอกราชกลับคืน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น