- จิวหยาง เอกบุรุษตระกูลจิว
ตำแหน่งเปี้ยนเจียงจวิน.(ผู้บัญชาการทหารสูงสุด-Chief Commander)
ปรากฏพงศาวดารจีน-สามก็ก (Romance of the Three Kingdoms)
สัญชาติ จีน(Chinees)
บิดา จิวจิ่ง(Zhou Jing)ผู้ว่าราชการเมืองลั่วหยาง(ลกเอี๋ยง)
มารดา -----
ภรรยา เสียวเกี้ยว(Xiao Qiao)
บุตร ชาย 2 หญิง 1
- จิวซุน(Zhou Xun)ลูกชายคนโตเป็นผู้บัญชาการทหารม้า ,
- จิวหยิน(Zhou Yin)แต่งงานกับหญิงตระกูลซุน
- บุตรสาวไม่ทราบชื่อแต่งงานกับซุนกวน
กำเนิด ค.ศ 175
- ชนพื้นเมืองซู เมืองลู่เจียง(Shu - Lujian)
เสียชีวิต อายุ 35 ปี - ค.ศ.210
อาวุธไม้อาญาสิทธิ์(Gudìng..dao),กระบี่จันทร์ฉาย(Elder Moon)
จิวยี่ (Zhou Yu)หรือกงจิน (公瑾)เป็นแม่ทัพคนสำคัญของง่อก๊ก ขุนพลผู้ปราดเปรื่อง และเป็นคู่ปรับคนสำคัญของขงเบ้งลักษณะเป็นบุรุษรูปงาม หน้าขาว เมื่อวัยเด็กได้เรียนรู้วิชาอย่างแตกฉาน ทั้งการทหาร และศิลปะแขนงต่าง ๆ โดยจิวยี่เป็นผู้ชำนาญทางดนตรี กล่าวกันว่า ถ้าใครดีดพิณผิดแม้นิดเดียว ใครต่อใครจับไม่ได้ แต่จิวยี่สามารถจับได้ จิวยี่เป็นผู้มีนิสัยโอบอ้อม มีน้ำใจต่อเพื่อนฝูง ดังนี้ จึงมีผู้ที่เคารพนับถือเป็นมิตรสหายมากมาย
......................
ครั้งซุนเกี๋ยนนำทัพบุกตีตั๋งโต๊ะได้อพยพครอบครัวไปอยู่อาศัยที่อำเภอซู จิวยี่กับซุนเซ็ก อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันจึงได้ ผูกพันน้ำมิตรกันในครานี้จิวยี่ ชักชวนซุนเซ็กให้พักอาศัยในตึกตระกูลจิวและเคารพให้เกียรติมารดาซุนเซ็กเป็นอย่างสูง ไม่นาน ซุนเซ็กนำไพร่พลบุกเข้าตี กังตัง ประจวบกับช่วงเวลาขณะนั้น จิวยี่ เดินทางไปเยี่ยมเยียน ลุงพอดี ซุนเซ็กจึงส่งจดหมายชักชวนจิวยี่ให้เข้าร่วมด้วย จิวยี่เมื่อทราบเรื่องก็รีบนำไพร่พลเดินทางไปหาซุนเซ็กในทันที ทำให้ซุนเซ็กมีความซาบซึ้งในน้ำใจสหายผู้นี้เป็นอย่างมาก นับแต่นั้นทั้งคู่ก็ร่วมแรงร่วมใจกันบุกพิชิตพื้นที่ในแถบนั้นจนหมด ตลอดจนสะกดชนเผ่าซานเอวี้ยได้สำเร็จ
หลังจากนั้นไม่นาน อ้วนสุด มีบัญชาแต่งตั้งหยวนอิ้นผู้หลานเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการ เมืองตานหยาง แทนที่ลุงของจิวยี่ทำให้เค้าและลุงต้องเดินทางกลับเมืองฉิวฉุน แต่อ้วนสุดรู้ซึ้งถึงความสามารถของจิวยี่ดีจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้สวามิภักดิ์แต่จิวยี่เชื่อว่าเขาไม่ สามารถสำเร็จการใหญ่ภายใต้การนำของอ้วนสุด ดังนั้นจิวยี่จึงร้องขอให้อ้วนสุดแต่งตั้งเขาดำรงตำแหน่งนายอำเภอจวี่เจียว ที่ซึ่งเขาสามารถหลบหนีกลับแดนเจียงตงได้อย่างสะดวก อ้วนสุดก็ได้อนุมัติแต่งตั้งตามที่ร้องขอเพราะไม่รู้เท่าทันถึงเจตนารมณ์อัน แท้จริงของจิวยี่
ครั้นซุนเซ็กตัดสินใจนำทัพเข้าตีมณฑลเกงจิ๋ว จิวยี่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่แม่ทัพ ควบตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองเจียงเซี่ย(กังแฮ) ทั้งสองเปิดฉากการบุกจู่โจมจนพิชิตเมืองหว่านอ้วนเซีย ช่วงเวลานั้นเองทั้งซุนเช่อและจิวยี่ได้สมรสกับบุตรีทั้งสองของเกียวก๊กโล ซึ่งมีกิตติศัพท์ความงามเป็นที่เลื่องระบือ จากนั้นทั้งคู่นำทัพเข้าตีเมืองสวินหยางพิชิตหลิวสวิน แล้วเคลื่อนทัพบุกตีเมืองเจียงเซี่ยต่อ แต่พวกเขาจำต้องยกทัพกลับเพื่อไปปราบปรามความไม่สงบในเมืองอวี้จางและลู่ หลิง จิวยี่จึงได้รับบัญชาให้ยกไปรักษาการณ์ที่ตำบลปากิ๋ว
เจี้ยน อันศกปีที่ 5 ซุนเซ็กเสียชีวิต ซุนกวนผู้น้องขึ้นเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง จิวยี่จึงเดินทางกลับไปเข้าร่วมพิธีศพซุนเซ็กที่เมืองเตียวเจียวกับจิวยี่ได้รับการมอบหมายให้ร่วมบริหารราชการใหญ่ใน แผ่นดิน
เจี้ยนอันศกปีที่ 11
จิวยี่กับซุนอวี๋นำบรรดาแม่ทัพบุกตีหม่าถุนและเป่าถุน จัดการสำเร็จโทษผู้นำ จับเป็นเชลยศึกได้ประมาณหนึ่งหมื่นคน ต่อมาไม่นานหวงจู่(หองจอ)ผู้ว่าราชการเมืองเจียงเซี่ยบัญชาแม่ทัพเติ้งหลงนำ ไพร่พลหลายพันคนบุกตีเมืองไฉซ่าง จิวยี่นำทัพออกสู้รบและสามารถจับเป็นแม่ทัพเติ้งหลงได้
เจี้ยนอันศก ปีที่ 13 ฤดูใบไม้ผลิ ซุนเฉวียนแต่งตั้งจิวยี่เป็นแม่ทัพหน้าเข้าตีเมืองเจียงเซี่ย ในปีนั้น โจโฉ กรีฑาทัพเข้าปราบปรามแคว้นเล่าจ๋อง และบรรดาขุนนางที่ปรึกษาทั้งทหารและพลเรือนพร้อมใจกันยอม อ่อนน้อมสวามิภักดิ์แก่ โจโฉ ดังนั้นโจโฉจึงได้รับมอบทหารหลายแสนคนพร้อมกองทัพเรือจากทัพจิงโจว เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตื่นตกใจแก่บรรดาแม่ทัพแดนเจียงตงยิ่ง ซุนกวนเรียกประชุมเพื่อสืบหยั่งความคิดเห็นของแม่ทัพทั้งหลาย เสียงข้างมากเสนอแนะให้ซุนกวนยอมสวามิภักดิ์ โดยยกเหตุผลหลักๆดังต่อไปนี้
- มีบ้างระย่นย่อต่อชื่อเสียงเกียรติภูมิในความเชี่ยวชาญการณรงค์ของเฉาเชา
- มีบ้างเห็นว่าเมื่อเฉาเชายึดครองจิงโจวสำเร็จ แดนอู๋ก็ไม่สามารถมีเปรียบในด้านชัยภูมิที่อาศัยพึ่งพาแม่น้ำฉางเจียงเป็น ปราการธรรมชาติอีกต่อไป
- การที่เฉาเชายึดทัพเรือได้จากแดนจิงโจว ส่งผลให้เฉาเชามีกองทัพเรือที่ยิ่งใหญ่มหาศาล จึงอาจมีความเป็นได้ว่าเฉาเชาจะเคลื่อนทั้งทัพบกและทัพเรือกระหนาบเข้าตี เจียงตงพร้อมกัน
อย่างไรก็ตามจิวยี่ไม่เห็นด้วยกับความเห็นเหล่านั้น เขาสันนิษฐานว่ายุทธการบุกแดนใต้ของโจโฉมีจุดอ่อนอยู่หลายประการ
ประการแรก จิวยี่ชี้ว่าแม้โจโฉจะมีตำแหน่งเฉิงเซี่ยงแห่งราชวงศ์ฮั่น แต่แท้จริงเป็นขบถต่อราชสำนัก อีกทั้งบรรดาหัวเมืองทางแดนเหนือที่ขึ้นต่อโจโฉก็ยังมิได้ถูกจัดการจนสงบ มั่นคง และโจโฉยังต้องห่วงพะวงถึงม้าเฉียวกับหันซุยจะฉวยโอกาส เข้าตีหัวเมืองต่างๆอีกด้วย
ประการที่สองไพร่พลทหารแดนเหนือไม่เชี่ยวชาญยุทธนาวีเยี่ยงชาวแดนใต้ ประการสามเพลานี้เป็นเหมันตฤดู ไพร่พลโจโฉย่อมต้องเหนื่อยล้าจากการเดินทัพอันยาวไกล หากไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับภูมิอากาศแดนใต้ คงต้องเกิดเจ็บป่วยเป็นโรคระบาดเป็นแน่แท้ เมื่อซุนเฉวียนได้ฟังดังนั้นก็มีความเชื่อมั่นที่จะได้ชัยในการรบครั้งนี้อย่างเป็นมั่น
ขณะนั้นเป็นเวลาประจวบเหมาะกับเล่าปี่ประสบความปราชัยต่อโจโฉ และได้พบกับโลซกจึงขอให้เป็นคนกลางประสานแผนการร่วมมือเป็นพันธมิตรต่อต้าน อำนาจของโจโฉ เล่าปี่ได้ส่งจูกัด เหลียง-ขงเบ้งไปเป็นตัวแทนในการหารือกับซุนกวน ผลการหารือปรากฎว่าซุนกวนบัญชาจิวยี่และเทียเภานำเหล่าแม่ทัพ นายกองไปเข้าพบหลิวเป้ยเพื่อยืนยันถึงความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวในอัน จะต่อต้านโจโฉ ในการ เปิดศึกที่มีชื่อว่าสมรภูมิ เซ็กเพ็ก ช่วงหนึ่งทหารของโจโฉเกิดเจ็บป่วยเป็นอันมากส่งผลให้การสัประยุทธ์ในช่วงแรกต้อง ตกเป็นฝ่ายปราชัยโจโฉ จำต้องถอยทัพร่นไปตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำฉางเจียง
ด้วยเหตุที่โจโฉยกกองทัพมาครั้งนี้มีไพร่พลมหาศาล อุยกายจึงเห็นว่าหากตั้งยันกันนานไปย่อมไม่ส่งผลดีเป็นแน่ กระนั้นเขาได้สืบทราบมาว่ากองทัพเรือของโจโฉถูกผูกโยงจนติดอยู่ด้วย กัน จึงออกอุบายเสนอโจวอวี๋ให้ใช้เพลิงเผาผลาญทำลายทัพข้าศึก จิวยี่เห็นชอบด้วยตามอุบายและให้มีการจัดเตรียมเรือเพลิงเพื่อใช้ในการ ทำลายทัพเรือฝ่ายตรงข้าม แผนการดำเนินไปด้วยดีประจวบกับแรงวายุหนุนประกอบกับทัพเรือฝ่ายโจโฉถูกล่ามโยงติดกันเพลิง จึงลุกลามเผาผลาญทัพเรือของโจโฉพินาศวายวอดอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังลุกลามไปถึงค่ายที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำอีกด้วยกองทัพโจโฉเกิดความปั่นป่วนเยี่ยงนรกภูมิเกิดการบาดเจ็บล้มตายกันมากมาย สุดคณานับ
โจโฉจำต้องถอยกลับไปตั้งหลักที่เมืองลำกุ๋นแต่ก็มีทั้งเล่าปี่กับจิวยี่ ไล่ติดตามไปติดๆ แต่ในที่สุดโจโฉก็สามารถหนีกลับภาคเหนือไปได้อย่างปลอดภัยและมีบัญชาให้ แม่ทัพโจหยินตั้งมั่นรักษาเมืองกังเหลงไว้เพื่อสกัดการติดตาม
ครั้นแล้วจิวยี่กับเฉิงผู่จึงร่วมกันบุกตีเมืองหนานจวิ้นซึ่ง โจหยิน
รักษาการณ์อยู่
กำลังพลฝ่ายบุกตีตั้งประจันกับฝ่ายตั้งรับโดยคั่นด้วยแม่น้ำสายหนึ่ง
ก่อนการสัประยุทธ์จะเริ่มเปิดฉาก จิวยี่บัญชาให้กำเหลงยกไปตั้งที่ตำบลอิเหลง โจหยิน จึงมีบัญชาให้นายทัพยกไปตีทัพกำเหลง เมื่อจิวยี่รู้ข่าวจึงรีบยกพลไปช่วยเหลือกกำเหลง
ครั้นช่วยเหลือกำเหลง ฝ่าวงล้อมออกมาได้จิวยี่ จึงวกกลับไปยกพลข้ามแม่น้ำเพื่อเตรียมทำศึกชี้ขาดกับโจหยิน การศึกครั้งนี้ทัพจิวยี่ สามารถเอาชัยขับไล่กองทัพโจหยินแตกพ่ายถอยร่นไปได้
ด้วยผลแห่งชัยชนะ ซุนกวนจึงบำเหน็จแต่งตั้งจิวยี่เป็นที่ “เปี้ยนเจียงจวิน” รั้งตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองหนานจวิ้น และได้รับคำสั่งให้ไปตั้งรักษาการณ์อยู่ที่เมืองเจียงหลิงเพื่อเป็นหน้าด่าน ป้องกันทัพฝ่ายเหนือ
หลังจากนั้น จิวยี่ได้เดินทางไปเข้าพบซุนกวนที่เจียงโข่วเพื่อเสนอแผนการในการยึด ครองภาคเหนือ ขั้นแรกจิวยี่ต้องการนำทัพร่วมกับซุนอวี๋เข้าตีแดนจ๊กก็ก หากบุกตีได้เป็นผลสำเร็จก็จัดการรวมกำลังกับจางลู่ แล้วให้ซุนอวี๋รั้งอยู่ประจำการในแดนสู่เพื่อติดต่อประสานงานกับกองกำลังของ ม้าเฉียวส่วนตัวจิวยี่ เดินทางกลับมณฑลจิงโจวเพื่อประสานเสริมกับซุนกวนเคลื่อน ทัพบุกตีเมืองเซียงหยาง ซุนกวนตกลงดำเนินการตามข้อเสนอแนะ จิวยี่จึงกลับไปเมืองเจียงหลิงเพื่อเร่งเตรียมการ
ด้วยผลแห่งชัยชนะ ซุนกวนจึงบำเหน็จแต่งตั้งจิวยี่เป็นที่ “เปี้ยนเจียงจวิน” รั้งตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองหนานจวิ้น และได้รับคำสั่งให้ไปตั้งรักษาการณ์อยู่ที่เมืองเจียงหลิงเพื่อเป็นหน้าด่าน ป้องกันทัพฝ่ายเหนือ
หลังจากนั้น จิวยี่ได้เดินทางไปเข้าพบซุนกวนที่เจียงโข่วเพื่อเสนอแผนการในการยึด ครองภาคเหนือ ขั้นแรกจิวยี่ต้องการนำทัพร่วมกับซุนอวี๋เข้าตีแดนจ๊กก็ก หากบุกตีได้เป็นผลสำเร็จก็จัดการรวมกำลังกับจางลู่ แล้วให้ซุนอวี๋รั้งอยู่ประจำการในแดนสู่เพื่อติดต่อประสานงานกับกองกำลังของ ม้าเฉียวส่วนตัวจิวยี่ เดินทางกลับมณฑลจิงโจวเพื่อประสานเสริมกับซุนกวนเคลื่อน ทัพบุกตีเมืองเซียงหยาง ซุนกวนตกลงดำเนินการตามข้อเสนอแนะ จิวยี่จึงกลับไปเมืองเจียงหลิงเพื่อเร่งเตรียมการ
แต่จิวยี่กลับป่วยจนถึงแก่กรรมก่อนเดินทางถึงตำบลปาชิว ด้วยอาการโลหิตเป็นพิษจากลูกธนู ประกอบกับความแค้นใจที่มีต่อขงเบ้ง และขงเบ้งยังส่งจดหมายยั่วยุมา จึงกระอักเลือดตาย ก่อนสิ้นใจ จิวยี่ได้รำพันออกมาว่า
"เมื่อฟ้าส่งข้ามาเกิดแล้ว เหตุไฉนถึงส่งขงเบ้งมาเกิดด้วย"
ตามบันทึกประวัติศาสตร์จริงจิวยี่เสียชีวิตเพราะป่วยจากโรคระบาด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตายด้วยความคับแค้นใจต่อขงเบ้งแต่อย่างไร ปัจจุบันสืบทราบแล้วว่าจิวยี่ตายเพราะโรคพยาธิชนิดหนึ่ง เรียกว่า เสว่ซีฉง (หนอนดูดเลือดคล้ายพยาธิปากขอ) ขณะนั้นเขามีอายุเพียง 36 ปีเท่านั้น
"เมื่อฟ้าส่งข้ามาเกิดแล้ว เหตุไฉนถึงส่งขงเบ้งมาเกิดด้วย"
ตามบันทึกประวัติศาสตร์จริงจิวยี่เสียชีวิตเพราะป่วยจากโรคระบาด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตายด้วยความคับแค้นใจต่อขงเบ้งแต่อย่างไร ปัจจุบันสืบทราบแล้วว่าจิวยี่ตายเพราะโรคพยาธิชนิดหนึ่ง เรียกว่า เสว่ซีฉง (หนอนดูดเลือดคล้ายพยาธิปากขอ) ขณะนั้นเขามีอายุเพียง 36 ปีเท่านั้น
....................
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น