Myth Repairing the wall of heaven
ตำแหน่ง เทพผู้สร้างมนุษย์
- เทพธิดาผู้อุดผนังสวรรค์ (Repairing the wall of heaven)
ปรากฏตำนานจีนโบราณ(Chinese Mythology)
- วรรณกรรมเรื่อง ห้องสิน ฉบับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยฯ
สัญชาติ จีน( Chinees )
พี่ชายและสามี ฟูซี(Fu Xi)
กำเนิด เมื่อครั้งโลกถือกำเนิดแล้ว
สวรรคต ----
ลักษณะพิเศษ มีพระสิริโฉมงดงาม มีพระพักตร์ขาว พระทนต์ขาวเหมือนแก้วสี พระโอษฐ์แดง ส่วนสูงราว ๗๗๕ เซนติเมตร)
เจ้าแม่หนี่วา (Nuwa-女 媧) ตามความเชื่อของชาวจีนมนุษย์ทั้งปวงล้วนเกิดขึ้นมา จากเทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์ในยุคดึกดำบรรพ์นามว่า "หนี่วา"เจ้าแม่หนี่วาทรงเป็นผู้สร้างมนุษยชาติจากดินเหนียว ครั้งกำเนิดโลกและสวรรค์ขึ้นมานั้น เทพธิดาหนี่วา ทรงลงมายังโลกพบกับบรรยากาศที่งดงามแต่กลับเงียบเหงา พระองค์จึงทรงหยิบดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปมนุษย์เพศชายกับเพศหญิงขึ้นมาจำนวน หนึ่ง แล้วพระองค์ก็ทรงมอบพลังชีวิตให้ มนุษย์จึงก่อกำเนิดบนโลกใบนี้ แต่บางตำนานกลายว่ามนุษย์เป็นบุตรของพระองค์กับเทพฝูซีผู้ เป็นพี่ชายและสามีด้วย และชาวจีนก็เชื่อว่าตนเป็นลูกหลานของเจ้าแม่หนี่วากับเทพฝูซี
ในสมัยโบราณคิดว่า เจ้าแม่หนี่วาทรงมีรูปลักษณ์ที่มีท่อนบนเป็นหญิงงามแต่ท่อนล่างเป็นงู ซึ่งงูเป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำ บางตำราว่าเป็นมังกร ซึ่งชาวจีนในวิถีชีวิตก็อยู่กับสายน้ำอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นรูปลักษณ์ของนางฟ้าซึ่งสถิตอยู่บนสรวงสวรรค์ และภารกิจของพระองค์ซึ่งได้สร้างมนุษย์ขึ้นมานั่นกลายเป็นถูกใจของประมุข สวรรค์มาก....แต่เจ้าแม่หนี่วายังทรงเป็นห่วงลูกหลานของพระองค์ ครั้งที่ฟ้าเกิดรั่ว เจ้าแม่ทรงหลอมหิน 5 สี ขึ้นเพื่อนำไปอุดที่รูรั่วที่ขอบฟ้า
ตำนานผู้สร้างหนี่วาผู้ให้กำเนิดมนุษย์

จากนี้เจ้าแม่หนี่วาจะไม่เหงาอีกต่อไปพระองค์สนุกกับเจ้าตุ๊กตาดินเหนียวตัว จิ๋ว และแล้วพระองค์คิดสนุกสร้างตุ๊กตาที่เหมือนกันขึ้นมามากมาย มีความแตกต่างกันไป มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ หนุ่มสาว เพศชาย เพศหญิง พระองค์ต้องการให้มีจำนวนเยอะขึ้น จึงใช้เส้นด้ายจุ่มลงไปในดินเหนียวและสะบัด เศษดินเหนียวนั้นก็จะเกิดขึ้นมาเป็นคนมากมาย แต่ด้วยความไม่ประณีตของเจ้าแม่ มนุษย์ที่เกิดมาในครั้งนี้จึงไม่สมบูรณ์ บ้างพิการ บ้างอัปลักษณ์ คนเราจึงมีความแตกต่างตามความเชื่อของชาวจีนในตำนานนี้
ตำนานฟ้ารั่วหนี่วาผู้อุดรอยรั่วสวรรค์
ตำนานนางจิ้งจอกเก้าหาง
ตำนานเล่าอยู่เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงราชวงศ์ซางของจีน ซึ่งตรงกับรัชสมัยของฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซาง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทรราช ครองแผ่นดินไม่อยู่ในคลองธรรม ปกครองไพร่ฟ้าำไม่ร่มเย็นเป็นสุข หลงอยู่ในสุรานารีไม่สนใจในราชกิจบ้านเมืองนามว่า "โจ้งหวัง" ฮ่องเต้พระองค์นี้ทรงต้องเสด็จไปนมัสการศาลเจ้าแม่หนี่วาตามธรรมเนียมราช ประเพณี แต่ด้วยความบ้านราคะโลกีย์เป็นหนักอยู่แล้ว พอได้พบกับเทวรูปของเจ้าแม่หนี่วาที่สวยงดงามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ (แสดงว่าในยุคนั้นเจ้าแม่หนี่วาถูกสร้างให้มีลักษณะคล้ายมนุษย์แล้ว) ฮ่องเต้ชั่วพอพระทัยกับรูปโฉมของเจ้าแม่หนี่วา ถึงกับกล่าวว่า ว่า "งามเหนือสตรีใดในใต้หล้า หากข้ามีบุญวาสนานั้นไซร้จะรับท่านไปเป็นมเหสีครองเมือง"

เมื่อโจ้วหวางได้พบต๋าจีก็รู้สึกพึงพอใจในตัวต๋าจีเป็นอย่างมาก เนื่องจากต๋าจีมีรูปโฉมงดงามราวกับเจ้าแม่หนวี่วา กิริยาวาจาไพเราะอ่อนหวานราวกับเทพธิดามาแต่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้า ยากที่จะหาหญิงใดในแผ่นดินเสมอเหมือน จิ้งจอกเก้าหางจึงได้เริ่มการทำให้โจ้วหวางลุ่มหลงในตัวนาง ซึ่งไม่ได้เป็นการยากเย็นกระไรเลย เพราะนอกจากมีความงดงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังสามารถร้องเพลง และเล่นดนตรีได้ไพเราะ อีกทั้งร่ายรำได้งดงาม ทำให้โจ้วหวางนานวันก็ยิ่งลุ่มหลงนางจนถอนตัวไม่ขึ้น และนางก็ได้ส่งเสริมให้โจ้วหวางทำแต่เรื่องชั่วร้าย ฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลาอยู่เสมอมา
ในที่สุดจิ้งจอกเก้าหางในร่างตาจี๋ ก็ได้ยุให้โจ้วหวางสร้างหอสอยดาวขึ้น ยังความทุกข์ยาก และนำมาซึ่งความตายแก่ราษฎรจำนวนมากมายมหาศาลที่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานมาสร้างหอสอยดาวนี้แต่ในที่สุด ปิศาจทั้งสามก็ถูก เจียงจื่อหยา ซึ่งได้ฝึกวิชาบนภูเขาจนกลายเป็นผู้วิเศษ ได้รับบัญชา เทียนมิ่ง นักรบจากสวรรค์ให้มาปราบทุกข์เข็ญของเหล่าราษฎร พร้อมทั้ง นาจาศิษย์เอกปิศาจทั้งสามถูกจับตัวไปให้เจ้าแม่หนวี่วา ตัดสินโทษ
จิ้งจอกเก้าหางเห็นว่าตนสามารถทำงานที่เจ้าแม่มอบหมายให้ ทำไมจึงยังมีโทษอีกเจ้าแม่หนวี่วากล่าวว่าได้ใช้ให้ไปทำลายแต่เพียงโจ้วหวางเท่านั้นหาได้สั่งให้ไปเข่นฆ่าผู้คนมากมายเช่นนี้ไม่การทำเกินกว่าคำสั่งแบบนี้จำต้องถูกลงโทษ ทั้งปิศาจพิณ และปิศาจไก่จึงถูกลงโทษให้ตายตกไปตามกัน ส่วนจิ้งจอกเก้าหางนั้นหลบหนีการลงโทษไปได้ ราชวงศ์ซางก็ถึงกาลดับสูญ พสกนิกรย่ำแย่ เหล่าขุนนางตงฉินทั้งหลายก็สนับสนุนเชื้อพระวงศ์บางพระองค์ขึ้นมา เป็นกษัตริย์พระองค์ต่อไป ส่วนโจ้งหวังฮ่องเต้ก็สูญพระชนม์ตามคำสาปแห่งเจ้าแม่หนี่วา
......................
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น